AP LAW 80 ความผิดฐานพรากเด็กและพรากผู้เยาว์
ความผิดฐานพรากเด็กและพรากผู้เยาว์ คือความผิดที่ผู้กระทำนั้นพรากเด็กหรือผู้เยาว์ไป โดยเป็นการรบกวนอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 ถึง 319 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การพรากเด็กหรือผู้เยาว์จากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลนั้น จะต้องพิจารณานิยามของถ้อยคำตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย โดยมีนิยามดังนี้ ได้แก่
“พราก” หมายถึง หมายถึงการพาไปหรือการแยกเด็กหรือผู้เยาว์ออกไปจากความปกครองดูแลของบุคคลดังกล่าว ทำให้ความปกครองดูแลของบุคคลดังกล่าวถูกรบกวนหรือถูกกระทบกระเทือน อันเป็นการล่วงอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยการพรากนั้นมีหลักเกณฑ์ 2 ประการ คือ
1.เด็กหรือผู้เยาว์ที่ถูกพรากนั้นจะต้องอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลในขณะที่พราก หากกระทำเด็กหรือผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ใดดูแลปกครองหรือไปจากความปกครองดูแลของบุคคลที่กฎหมายกำหนดแล้วอย่างเด็ดขาด เช่นเด็กเร่ร่อน หรือเด็กที่หนีออกจากบ้านในลักษณะที่จะไม่กลับไปอยู่กับบุคคลที่ปกครองดูแลอีก ย่อมไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์
2.การพรากนั้นจะต้องเป็นการพาไปหรือแยกไปที่ทำให้ความปกครองดูแลถูกรบกวนหรือกระทบกระเทือน ถ้าไม่มีพาไป เช่น เด็กไปอยู่กับผู้อื่นเอง ย่อมไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ และกรณีที่เด็กหนีออกจากบ้านนั้น, ออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นชั่วครั้งชั่วคราว ยังถือว่าเด็กหรือผู้เยาว์นั้นอยู่ในความปกครองดูแลของบิดามารดาอยู่
โดยการกระทำที่ครบหลักเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อนั้น ถือได้ว่าเป็นการพรากผู้เยาว์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราวก็ตาม และไม่คำนึงระยะทางว่าใกล้หรือไกล
ตัวอย่างการ “พราก” เช่น เด็กหรือผู้เยาว์ไปที่บ้านของจำเลยเอง แล้วจำเลยกลับพาเด็กเข้าไปในห้องนอนแล้วจำเลยขัดขวางไม่ให้เด็กหรือผู้เยาว์ออกจากห้องนอน, เด็กหรือผู้เยาว์โทรมาชักชวนให้จำเลยให้มาพบและพาเด็กหรือผู้เยาว์ไป, ข่มขู่เด็กหรือผู้เยาว์ให้มาหาที่บ้านและทำอนาจาร, หรือให้ผู้อื่นพาเด็กมาให้จำเลยดูตัวเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อประเวณี เป็นต้น แต่ถ้าจำเลยเพียงแต่เป็นเจ้าของสถานที่ที่เกิดเหตุการกระทำความผิดในฐานพราก แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย จำเลยย่อมไม่มีความผิดในฐานนี้
“บิดามารดา” ในส่วนของบิดาหมายความรวมถึงบิดาตามความเป็นจริงด้วย
“ผู้ปกครอง” หมายถึง ผู้ใช้อำนาจปกครองอย่างบิดามารดา แม้บิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เลี้ยงดูผู้เยาว์มาโดยตลอด ก็ถือเป็นผู้ปกครอง
“ผู้ดูแล” หมายถึง ผู้ควบคุมดูแลรักษาผู้เยาว์โดยข้อเท็จจริง เช่น ครู อาจารย์ นายจ้าง หรือผู้ได้รับมอบหมายจากบิดามารดาให้เป็นผู้ดูแล หรือบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ดูแลผู้เยาว์ เป็นต้น
“โดยปราศจากเหตุอันสมควร” หมายถึงการพรากเด็กโดยไม่มีเหตุสมควรที่จะกระทำ เช่น พรากเด็กเพื่อไปอยู่กินฉันสามีภริยา (ใช้เฉพาะกรณีมาตรา 317 เท่านั้น) เพื่อหากำไรโดยให้เด็กไปเป็นขอทาน พาเด็กไปบวชสามเณรแล้วพาออกแจกซองผ้าป่า หรือพรากเพื่อการอนาจาร หากเป็นกรณีที่บิดาพรากเด็กไปจากมารดาเพื่ออุปการะให้การศึกษา ถือว่ามีเจตนาดีต่อบุตร ถือไม่ได้ว่าเป็นการพรากโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุ หากอำนาจปกครองสิ้นสุดลง เช่น บิดามารดาชอบด้วยกฎหมายไม่ใช้อำนาจปกครอง หรือมีพฤติการณ์บ่งชี้ว่าผู้เสียหายสมัครใจหลบหนีออกจากบ้านโดยเจตนาพึ่งตนเองโดยลำพัง ไม่ประสงค์จะอยู่ในความอุปการะของบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลต่อไป ถือว่าผู้เสียหายขาดจากความดูแลแล้ว หากมีการพราก ย่อมขาดองค์ประกอบความผิด และไม่เป็นความผิดในฐานพรากผู้เยาว์
ทั้งนี้ บทบัญญัติตามมาตรา 317 ถึง 319 มุ่งเน้นคุ้มครองอำนาจปกครองของบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล และอีกส่วนที่สำคัญคืออายุของเด็กหรือผู้เยาว์ที่เป็นผู้เสียหาย
การพรากเด็กตามมาตรา 317 วรรค 1 นั้น จะเป็นการพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
หากเป็นการซื้อ จำหน่ายหรือรับตัวเด็กที่ถูกพรากโดยทุจริต ตามวรรค 2 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พราก และหากเป็นการกระทำเพื่อหากำไรหรือการอนาจาร ตามวรรค 3 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ในส่วนของการพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 318 และ 319 นั้น จะเป็นการกระทำต่อบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยมาตรา 318 จะใช้กับกรณีพรากโดยไม่เต็มใจ ส่วนมาตรา 319 ใช้กับกรณีผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ทั้งนี้ หากมีการหลอกลวงผู้เยาว์ ถือว่าผู้เยาว์มิได้เต็มใจไปด้วย เป็นความผิดตามมาตรา 318
เนื้อหาโดย
กิตตินันท์ จารุกิจไพศาล
Paralegal
นบ.ธรรมศาสตร์
Негізгі бет AP LAW 80 ความผิดฐานพรากเด็กและพรากผู้เยาว์
Пікірлер