ย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2500 หลวงปู่หลอดได้เดินทางจากป่า มาสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่ วัดอโศการาม ของ ท่านพ่อลี ศิษย์ของ หลวงปู่มั่น ซึ่งมีกิตติศัพท์โด่งดังมาก ท่านพ่อลีได้จัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลขึ้นทีวัดอโศการาม ได้มีพิธีใหญ่โตหลายประการ อาทิเช่น การจัดให้มีการบวชพระ 2,500 รูป บวชชีพราห์ม 2,500 คน โดยที่ทางวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ปรากฏว่า มีศรัทธาชาวพุทธหลั่งไหลเข้ามาขอบวช มาปฏิบัติธรรม มาฟังเทศน์ มาบริจาคทรัพย์ทำทานสนั่นหวั่นไหว เป็นเวลา 15 วัน 15 คืน ผู้คนหลั่งไหลกันมาชุมนุมนับหมื่น ๆ คน
หลวงปู่หลอดเล่าว่า เฉพาะผ้าที่นำมาตัดเป็นผ้าไตร ผ้าขาวนั้น เป็นจำนวน พัน ๆ ม้วน คนที่ตัดผ้าตัดกันจนแทนเป็นลม โรงทานเลื้ยงไม่อั้น ข้าวปลาอาหารขนกันมามากมาย ขนาดต้องใช้รถสิบล้อขนมา ทุกอย่างในงานฟรีหมด หมดเงินค่าบวชพระ บวชเณร เฉพาะงานนั้นเป็นสิบล้าน นั่นคือ 36 ปีที่ผ่านมา
ถ้าหากเรานับในสมัยนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท พระภิกษุสายหลวงปู่มั่นต่างก็หลั่งไหลเข้ามาในงานนี้เนืองแน่น ที่พิเศษสุดก็คือ พิธีพุทธาภิเษกพระพุทธ 25 ศตวรรษ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สวดพุทธาภิเษก 15 วัน 15 คืน สวดมนต์กันสนั่นทั้งวัดอโศการาม และบทสวดพิเศษที่ถูกบรรจุลงไป ก็คือ บททิพย์มนต์ นั่นเอง ซึ่งท่านพ่อลี เป็นผู้ค้นพบจากพระไตรปิฎก ท่านนำมาศึกษา และนำมาให้พระเณร แม่ชี ที่วัดอโศการามได้สวดกัน หลังจากทำวัตรเช้า วัตรเย็นแล้ว ท่านจะให้สวดทิพย์มนต์ต่อไปเป็นกิจวัตรทุกวัน และเมื่อมีงานพุทธาภิเษกก็จะนำบทสวดทิพย์มนต์มาร่วมสวดทุกครั้งไป
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าสมณโคดม เสวยพระชาติเป็นฤาษีอยู่ในป่า ท่านได้สวด ทิพย์มนต์ เป็นประจำทุกวัน มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นคือ บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่านั้น เมื่อได้เข้ามาอยู่ในบริเวณที่พำนักของพระฤาษี เสือ หมี เก้ง กวาง เหล่านี้ จะกลายเป็นมิตรกันทันที ไม่มีการไล่ล่า ทำลายกัน สัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ ต่างพากันเป็นมิตรต่อกัน ด้วยอานุภาพแห่งทิพย์มนต์ ที่แผ่ออกไปทุกวันในเขตที่พระฤาษีบำเพ็ญอยู่
ความเป็นมาของทิพย์มนต์
เพราะมนต์หมวดนี้เป็นมนต์กบิลฤาษีปนอยู่ด้วยตามเรื่องที่เล่าไว้ ดังนี้
ในอดีตกาล มีฤาษีตนหนึ่งไปเจริญทิพยมนต์ อยู่ในป่าสัก ณ ประเทศอินเดียตามตำนานเล่าว่า ในป่านั้นเป็นมหามงคล เช่น ต้นไม้ทั้งหลายสับเปลี่ยนกันเกิดดอกออกผล อยู่ตลอดทุกฤดูกาล มีน้ำใสสะอาด สัตว์ตัวไหนเจ็บป่วยวิ่งผ่านเข้าไปได้กินน้ำในที่นั้น อาการป่วยนั้นก็จะสูญสิ้นไป สัตว์ที่ดุร้ายและโหดร้ายเบียดเบียนกัน
เมื่อเข้าไปผ่านในสถานที่นั้นก็ราวกับว่าเป็นเพื่อนเป็นมิตรกันเอง สัตว์ทั้งหลายก็อาศัยป่านั้นอยู่โดยความรื่นเริง ถ้าหากว่าความตายจะมาถึงตนก็ต้องดิ้นรนไปตายที่อื่น ในที่นี้พวกชาวศากยสกุลวงศ์ของพระพุทธเจ้า ได้ไปตั้งเมืองหลวงในนั้นเรียกว่า กรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งยังเป็นบ้านเมืองมาจนบัดนี้ (เนปาล)
นี่เกิดความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกบิลฤาษีได้ไปเจริญทิพยมนต์อยู่ในที่นั้น วิธีเจริญของฤาษีตนนั้น
๏ วาระแรกเขาได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกได้เจริญมนต์หมวดนี้อยู่ ตลอด ๗ วัน
๏ วาระที่ ๒ เขาหันหน้าไปทางทิศอุดร
๏ วาระที่ ๓ เขาได้หันหน้าไปทางทิศ ใต้
๏ วาระที่ ๔ เขาได้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก
๏ วาระที่ ๕ เขาได้หันหน้าลงไปทาง ใต้พื้นปฐพี
๏ วาระที่ ๖ เขาได้ยกมือแหงนหน้าขึ้นไปในอากาศ ทำจิตให้สะอาดเอารัศมี ของดวงดาวเป็นนิมิต
๏ วาระที่ ๗ เขาได้เจริญอานาปาน์ปล่อยลมของเขาเองออก ทุกทิศ โดยอำนาจแห่งกำลังจิตที่ประกอบด้วยพรหมวิหารทั้ง ๔ ที่เรียกว่า “ทิพยมนต์” ดังเล่ามานี้ตามเรื่องของชาวอินเดียเล่าให้ฟัง
ต่อจากนั้นก็ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ด้วยคุณธรรมอันเลิศ จนพระองค์สามารถจะเสกธาตุของพระองค์เองให้บริสุทธิ์ยิ่งกว่าธาตุใดๆ เช่น พระบรมธาตุอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ซึ่งมีปรากฏอยู่ในผู้เคารพนับถือ ได้ทราบข่าวว่าเสด็จมาบ้าง เสด็จหนีบ้างซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก สิ่งเหล่านี้ก็สำเร็จมาจากดวงจิตอันบริสุทธิ์นั่นเอง เมื่อจิตบริสุทธิ์แล้วธาตุทั้ง ๖ ก็พลอยบริสุทธิ์ได้ด้วย
เมื่อธาตุเหล่านี้เนื่องอยู่ด้วยโลก อาจจะทำโลกให้ได้รับความ
ชุ่มเย็นไปด้วยก็ได้ เพราะธาตุทั้งหมดย่อมต่อเนื่องถึงกัน ถ้าพวกเราพุทธบริษัทตั้งใจประพฤติปฏิบัติเช่นนั้น เชื่อแน่ว่าต้องได้รับผลดีตามจำนวนของปริมาณ ถ้าหากว่าจิต มิได้ฝึกหัดในทางนี้ มัวแต่สะสมความชั่วใส่ตน จิตก็ต้องเดือดร้อน
“จิตดีโลกก็ต้องดี จิตชั่วโลกก็ต้องชั่ว”
ฉะนั้นจึงได้เขียนแนวทางอบรมดวงจิตเพื่อสร้างความร่มเย็นต่อไป
Негізгі бет บทสวดทิพย์มนต์ 3 จบ
Пікірлер: 37