“ชิ้นส่วนของท่วงทำนอง … ที่บอกไป”
เรื่องและดนตรีโดย ศรวัฒน์ ชิวปรีชา
เมื่อ 8 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
น่าจะเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว กับกิจวัตรประจำสัปดาห์ที่หากไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อยังไงก็จะหาส่วนเสี้ยวของเวลามาเพื่อทำอย่างไม่ขาด แม้บางครั้งจะต้องเดินทางและไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างมีจุดหมายบ้าง อย่างไม่มีจุดหมายบ้างก็ตาม กีตาร์และอุปกรณ์บันทึกเสียงจะถูกเตรียมติดตามไปด้วย จนรู้สึกประดุจหนึ่งว่าเป็นหน้าที่ … นั่นคือการได้เล่นดนตรี … นึกทบทวนย้อนไป นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตได้มีโอกาสสัมผัสและใกล้ชิดกับดนตรีมาก มากกว่าเมื่อก่อน เมื่อครั้งที่เริ่มหลงไหลในเสียงและเริ่มต้นหัดเล่นมันในวัยเยาว์เสียด้วยซ้ำ …
หากสิ่งที่ทำอยู่เพื่อใช้หาเลี้ยงชีพจะถูกเรียกว่าหน้าที่การงานหรืออาชีพ แน่นอนว่านักดนตรีไม่ใช่อาชีพที่ผมทำและไม่ได้อยู่ในฐานะของสิ่งที่ทำเพื่อหาเลี้ยงชีพ … แต่คุณค่าและความหมายที่ดนตรีมีต่อผม เท่าที่รู้สึกในช่วงเวลาที่อาจเรียกได้ว่าเริ่มก้าวห่างออกจากมัชฌิมวัย และเป็นวันที่ชีวิตเฉียดความตายมาถึง 2 ครั้ง ดนตรีคือสิ่งเติมเต็มของชีวิต เติมเต็มทั้งมิติทางกายและมิติทางใจ …
หลังประสบอุบัติเหตุและพักฟื้นรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลร่วมแรมเดือน แขนขวาตั้งแต่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงปลายประสาทนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว ยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ … การทานข้าวโดยต้องใช้มือซ้ายช่วยประคองแขนขวาเพื่อนำช้อนเข้าปากด้วยอาการจับช้อนไม่มั่นเพราะนิ้วยังงอไม่ค่อยได้ รวมทั้งไร้ซึ่งสัมผัสและความรู้สึก เป็นช่วงเวลาที่ได้เคยผ่านมาเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว … ความรู้สึกแปลบๆ ในใจเกิดขึ้น หากชีวิตหลังจากนี้แขนและมือขวาไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ดังเดิม จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? … การเล่นดนตรี สิ่งที่เคยทำในช่วงชีวิตที่เติบโตมาและเคยเป็นหนึ่งในความฝันกับการเป็นนักดนตรี คงจะต้องทิ้งไว้ให้เป็นอดีตและเหลือคงไว้เพียงแค่ความทรงจำ …
การดูแลทั้งจากคุณหมอและนักกายภาพบำบัดช่วยให้ทุกๆ อย่างค่อยๆ ฟื้นคืนกลับเข้าสู่สภาวะใกล้เคียงกับปกติก่อนหน้า … หนึ่งในคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดหลังจากเริ่มคุยกันสนิทและทราบว่าผมเล่นดนตรีได้ คือ ใช้การเล่นดนตรีเพื่อช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อมัดเล็กทั้งที่ท่อนแขนและโดยเฉพาะที่นิ้วมือซึ่งตอนนั้นยังเป็นปัญหาอยู่มากทั้งการเคลื่อนที่และการงอ … เริ่มจากการกลับมาเล่นเปียโนซึ่งตอนนั้นการงอนิ้วเพื่อจับปิ๊กกีตาร์ยังไม่สามารถทำได้ หลังจากดีขึ้นก็กลับมาที่กีตาร์จับปิ๊กหลุดบ้างด้วยไม่รู้หนัก-เบาของการกดจับ จนค่อยๆ ดีขึ้น รวมถึงการเคลื่อนที่และสะบัดแขน … ตอนเด็กที่หัดเล่นดนตรี ผมไม่เคยนึกถึงคุณค่าของดนตรีที่มีกับพัฒนาการทางกายเช่นนี้มาก่อนเลย …
ในมิติทางใจ ไหนๆ การเดินทางของชีวิตมันไม่ได้พาผมไปในเส้นทางสายดนตรีอย่างที่เคยฝันไว้เสียแล้ว ก็ใช้โอกาสในโลกของความจริงที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่นี้แหละ เติมเต็มฝันที่ว่างลงไป ต่อจากการใช้ดนตรีช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูทางกาย … ผมสถาปนาตัวเองเป็นนักดนตรี (สมัครเล่น) ด้วยการกลับมาฝึกซ้อม และเล่นมันอย่างสม่ำเสมอ เสียงเพลงต่างๆ ที่เล่นนำโพสต์ลงไว้ใน Facebook และ KZitem หากมีใครบังเอิญผ่านเข้ามาเป็นผู้ฟัง แค่เพียงเท่านั้นความฝันการเป็นนักดนตรีของผมก็จะเป็นจริงขึ้นมา ด้วยเพราะว่านักดนตรีฝึกซ้อมและเล่นดนตรีก็เพื่อที่จะมีผู้ฟัง … นอกจากนั้นดนตรียังช่วยให้เกิดสมาธิทั้งในขณะฟังเพื่อฝึกซ้อมและขณะเล่นเพื่อบันทึกเสียง รวมทั้งก่อให้เกิดสุนทรียะทางอารมณ์ซึ่งช่วยผ่อนคลายความรู้สึกในยามที่ได้ฟัง โดยเฉพาะการฟังในสิ่งที่ตัวเองเล่นออกมา …
ช่วงพลบค่ำเมื่อวานซึ่งเป็นวันเสาร์ หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ต้องทำ … การเลือกฟังเพลงที่คิดว่าจะเล่น ทำความเข้าใจกับมัน แกะและฝึกซ้อม เป็นสิ่งที่ผมทำเป็นประจำก่อนทุกอย่างจะพร้อมและทำการบันทึกเสียง … ต่างกันไปแต่เพียงว่าระหว่างที่กำลังซ้อม คล้ายกับสิ่งที่เรียกว่าอารมณ์พาไป จะนำพาให้ผมเกิดอยากเล่นในสิ่งที่ห้วงอารมณ์ภายในมันกำลังรู้สึก และคล้ายกับอารมณ์ความรู้สึกในชั่วขณะนั้นจะพาให้เกิดเสียงในหัวผมขึ้น … ผมเริ่มวางทางเดินของคอร์ดที่สอดรับกับความรู้สึกที่มี แล้วเลือกใช้ตัวโน๊ตตามพื้นความรู้และประสบการณ์ที่พอมี เรียงร้อยมันไปตามจังหวะ เพื่อสร้างให้เกิดเป็นท่วงทำนองสนองตอบไปตามอารมณ์ที่เหมือนมีเสียงคอยกระซิบบอกมาจากข้างใน …
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นชิ้นส่วนของท่วงทำนองหรืออาจเรียกว่าเป็นท่อนของเพลง … ใช่ มันพอที่จะฟังเป็นเพลงแล้ว แม้มันอาจจะยังไม่สมบูรณ์หรือบ่งบอกเล่าเรื่องราวอะไรที่ยาวนักได้ แต่มันเป็นห้วงอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นของผม ซึ่งพยายามลองหาทางถ่ายทอดและสื่อสารมันออกมาในรูปแบบของบทเพลงที่ไม่ได้มีตัวอักษรหรือคำพูดใดแทนค่าหรือความหมายของความรู้สึกนั้น … ยังไม่รู้ว่าจะยังไงต่อกับชิ้นส่วนของท่วงทำนองบทนี้ แต่คิดว่าเท่าที่เป็นและมีอยู่ตอนนี้ มันสื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจผมตอนนั้นออกมาหมดแล้ว อย่างน้อยก็เวลาที่ได้ฟังมัน มันจะพาผมหวนกลับไปยังห้วงอารมณ์และความรู้สึกที่มีและเกิดขึ้นในขณะนั้นได้ …
หากมีโอกาส ชิ้นส่วนของท่วงทำนองชิ้นนี้ก็อาจจะได้รับการเติมเต็มและให้ความหมาย คำจำกัดความที่ชัดเจน ผ่านทางภาษา คำร้อง แล้วกลับไปสื่อสาร บอกต่อ ทำหน้าที่ของมันต่อไป ในฐานะของบทเพลง … ซึ่งก็คงเหมือนกับช่วงเวลาของชีวิต ที่บางครั้งก็คงต้องการอะไรบางอย่างเข้ามาเพื่อเติมเต็ม ส่งต่อคุณค่า และมอบความหมายให้ เพื่อที่ชีวิตนั้นจะได้ยังคงอยู่ ทำหน้าที่ส่งมอบคุณค่าและความหมายต่อให้กับชีวิตอื่นๆ ต่อไป
Негізгі бет Музыка ชิ้นส่วนของท่วงทำนอง ... ที่บอกไป
Пікірлер