ฎีกา InTrend ep.44 เพื่อนร่วมงานแอบแชทให้ร้าย เจ้าตัวไปเห็นเข้า จะฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่
The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม
Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี
ที่ปรึกษา : อัครพันธ์ สัปปพันธ์, อรวรานันท์ ธนาพันธ์วรากุล
Show Creator : นันทวัลย์ นุชนนทรี, ศณิฏา จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, ปนัสยา ชื่นอุระ
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, โสรัตน์ ไวศยดำรง
Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์ ทศพร ศิลาบำเพ็ญ
Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์
ทุกวันนี้การส่งข้อความกันในแอปต่าง ๆ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่ในการสนทนาที่พาดพิงถึงคนอื่นในทำนองที่ทำให้คนอื่นนั้นเสีย ๆ หาย ๆ เป็นข้อที่อาจต้องระวังเพราะหากเข้ากฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอาจเป็นการ “หมิ่นประมาท” ที่จะทำให้เกิดความรับผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ ประเด็นปัญหาที่นำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่เพื่อนร่วมงานแอบแชทให้ร้ายแต่เจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงไปเห็นข้อความดังกล่าวเข้าทำให้มีปัญหาว่าจะฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่
เอ บี ซี และ ดี เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง เอ บี และซี ได้ตั้งกลุ่มสนทนาในแอป “เฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์” เพื่อสนทนากันในระหว่างสามคน วันหนึ่ง เอ บี และซี ได้สนทนากันผ่านกลุ่มสนทนาดังกล่าวถึง “ดี” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง โดยกล่าวถึงทำนองว่า ดี มักชอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคนอย่างลึกซึ้งเพราะไม่มีคู่เป็นตัวเป็นตน และมักหลอกเอาเงินผู้ชายที่เข้าไปเกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์ด้วย
บังเอิญว่า เอ ซึ่งเป็นผู้ร่วมในกลุ่มสนทนาดังกล่าวได้สนทนาโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในสำนักงานของสายการบินที่ทำงานอยู่ แต่ เอ ได้ลุกออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเพื่อไปทำธุระอย่างอื่น แต่ลืมลงทะเบียนออกจากบัญชีสนทนาดังกล่าว ดี ได้เข้าไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจึงเห็นบทสนทนาระหว่าง เอ บี และซี ที่กล่าวถึงตน จึงได้ถ่ายภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน และนำคดีมาฟ้องเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกร้องให้ เอ บี และซี ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ตน
ตามปกติในกรณีที่มีการ “กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย” ซึ่ง “ข้อความที่ฝ่าฝืนต่อความจริง” ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ หรือทางทำมาหาได้ของบุคคลอื่นนั้นย่อมเป็นการหมิ่นประมาทที่จะทำให้เกิดความรับผิดทางแพ่งที่จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายนั้น
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ในส่วนของข้อความที่มีการกล่าวถึงในกลุ่มสนทนาระหว่าง เอ บี และ ซี นั้นค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าเป็นข้อความที่ทำให้ ดี ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวถึงเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะกล่าวให้ร้ายในเรื่องการไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคนและมีการหลอกเอาเงินจากผู้ชายที่ตนมีความสัมพันธ์ด้วยซึ่งเป็นข้อความที่หากมีคนอื่นล่วงรู้ก็ย่อมจะมอง ดี ในทางเสีย ๆ หาย ๆ แน่นอน
ปัญหาสำหรับกรณีนี้ที่สำคัญคงเป็นลักษณะของการพูดคุยสนทนาถึงข้อความที่สร้างความเสียหายให้แก่ ดี ที่อยู่ในกลุ่มสนทนาบนแอป “เมสเซนเจอร์” ที่เป็นการส่งข้อความในระบบปิดที่ล่วงรู้กันเฉพาะกลุ่มผู้สนทนาเท่านั้น ตามปกติบุคคลอื่นไม่สามารถเข้าไปดูหรือล่วงรู้ข้อความนั้นได้ บุคคลที่ล่วงรู้จึงมีเฉพาะกลุ่มของ เอ บี และ ซี ที่เป็นจำเลยในคดีเท่านั้น แม้ว่าจะมีบุคคลล่วงรู้มากกว่าหนึ่งคน แต่คนที่ล่วงรู้ข้อความเป็นกลุ่มของจำเลยด้วยกันที่ร่วมกันกล่าวข้อความนั้น กรณีที่จะถือว่าเป็นการ “กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย” จะต้องเป็นการกล่าวหรือไขข่าวต่อบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน
ในกรณีนี้แม้ว่า “ดี” จะไปล่วงรู้ข้อความดังกล่าวเข้า แต่ “ดี” ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงในทางเสีย ๆ หาย ๆ เองก็ไม่ถือว่าเป็น “บุคคลอื่น” ในกรณีนี้ เพราะบุคคลอื่นนั้นจะต้องเป็นบุคคลอื่นนอกเหนือจากผู้ที่ถูกกล่าวถึงด้วยจึงจะทำให้ชื่อเสียงของ “ดี” เสื่อมเสียไปในสายตาของคนอื่นที่ไปได้ยินได้ฟังข้อความที่ให้ร้ายเหล่านั้น แต่หากมีเพียง “ดี” รับรู้ย่อมไม่ทำให้ชื่อเสียงของ “ดี” เสื่อมเสียไปด้วย เพราะโดยสภาพของ “ชื่อเสียง” ย่อมหมายถึงความคิดหรือความรู้สึกในสายตาของคนอื่นที่มองมาที่ “ดี” แต่ไม่ใช่ความคิดหรือความรู้สึกของ “ดี” เองที่มีต่อคำพูดที่พูดถึงตน
ในเรื่องที่เกิดขึ้น “ดี” อาจจะถ่ายภาพหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน แต่หากมีใครคนใดคนหนึ่งในระหว่าง เอ บี หรือ ซี ถ่ายภาพหน้าจอนั้นไว้แล้วส่งต่อภาพที่มีข้อความที่ให้ร้าย “ดี” ส่งไปให้คนอื่น กรณีนี้ย่อมจะทำให้การกระทำนั้นเป็นการหมิ่นประมาทโดยบุคคลที่เป็นคนถ่ายภาพหน้าจอแล้วส่งต่อไป
การส่งหรือสื่อสารผ่านทางสื่อออนไลน์ในปัจจุบันมีความแพร่หลายมาก การส่งข้อความที่ให้ร้ายทำให้บุคคลอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงอาจเป็นการหมิ่นประมาทที่เกิดความรับผิดได้ แต่หากเป็นการสนทนากันเองในกลุ่มปิดไม่ได้เผยแพร่ไปยังบุคคลอื่นก็ยังไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6681/2562)
Негізгі бет ฎีกา InTrend EP.44 เพื่อนร่วมงานแอบแชทให้ร้าย เจ้าตัวไปเห็นเข้า จะฟ้องหมิ่นประมาทได้หรือไม่
Пікірлер: 8