ในการเยี่ยมชมสวนศักดิ์ศรี เบตง ผู้ผลิตต้นพันธุ์ทุเรียนมูซานคิง ทำให้ทราบว่ามีการเลี้ยงปลาเป็นรายได้เสริม ปลาที่ว่าคือ ปลาพลวงชมพู และปลานิล ความแตกต่างของการเลี้ยงปลาที่นี่คือเลี้ยงระบบน้ำไหล เป็นการเลียนแบบธรรมชาติของภูมิประเทศ โดยเฉพาะปลาพลวงชมพู ทางคุณศักดิ์ศรี สง่าราศรี หรือคุณโอ เล่าว่า ได้พันธุ์ปลามาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลา ซึ่งทางราชการได้เปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้ามาทดลองเลี้ยง ซึ่งก็เลี้ยงมา 2 ปีแล้ว ปลามีอัตราการเติบโตดี ตามข้อมูลนั้น ปลาชนิดนี้ตลาดมาเลเซียต้องการและมีราคาดี เช่น ถ้าปลาขนาดตัวละ 2 กิโลกรัม จะขายได้ 2,000 บาท ถ้าขนาด 3 กิโลกรัม ราคา 3,000 บาท
สำหรับปลานิล คุณพ่อของคุณโอ เลี้ยงมาก่อน เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เหตุที่เลี้ยงปลานิล เพราะเลี้ยงง่าย ทนต่อโรค และตลาดที่เบตงต้องการ สามารถขายได้กิโลกรัมละ 90 บาท แต่ถ้าเป็นปลานิลยักษ์ จะขายได้ตัวละ 300 บาท โดยการเลี้ยงปลานิลนั้น ใช้ระบบน้ำไหล เป็นน้ำจากภูเขาและเป็นน้ำที่หมุนเวียนมาจากการเลี้ยงปลาพลวงชมพูอีกที
ปัจจุบัน ถือว่าปลานิลทำตลาดได้ดี โดยเฉพาะขนาดตัวละ 1 กิโลกรัม จะเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าขนาดยักษ์ ซึ่งจะมีเฉพาะร้านอาหาร ส่วนปลาพลวงชมพูจะเน้นตลาดมาเลเซียเพียงอย่างเดียว
Негізгі бет เลียบๆเคียงๆ บ่อเลี้ยงปลานิลที่เบตง ตัวละ 300 บาท-ปลาพลวงชมพูต้องเหลียวมอง
Пікірлер: 61