P/E Ratio (Price to Earnings Ratio) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่มาจาก การเปรียบเทียบ ราคาหุ้น กับ กำไรสุทธิต่อหุ้น
P/E (เท่า) = ราคาหุ้น (Price) / กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS)
เช่น หุ้น A ราคาปัจจุบันหุ้นละ 10 บาท EPS = 1 บาท
P/E ก็คือ 10/1 = 10 เท่า
หมายความว่าถ้าจะซื้อหุ้น A ก็ต้องจ่ายเงินจำนวน 10 เท่าของกำไรสุทธิที่บริษัท A ทำได้
เพื่อนๆ อาจจะเคยได้ยินคำพูดที่บอกว่า P/E บอกถึงว่ากี่ปีคืนทุน
อธิบายเพิ่มเติมคือ ถ้าบริษัทมีกำไรต่อหุ้น 1 บาท
เราซื้อหุ้น A ราคา 10 บาท ซื้อหุ้นมาแล้วนะ แต่บริษัทไม่มีการเติบโตเลย หรือ EPS ไม่เพิ่มขึ้นเลย
ปีที่ 1 บริษัทจะทำกำไรสุทธิต่อหุ้นให้เรา 1 บาท ปีที่ 2 กำไรสุทธิต่อหุ้นอีก 1 บาท ไปเรื่อยๆ จนถึงปีที่ 10 ก็จะเหมือนว่าเราได้ทุน 10 บาทที่เราซื้อไว้คืนมานั่นเอง 10 บาทนี้ ถ้าบริษัทไม่ตอบแทนมาในรูปเงินปันผล ก็จะถูกเก็บไว้เป็นกำไรสะสมของบริษัท
แต่ในความเป็นจริง บริษัทที่ยังมีการเติบโต (Growth) หรือ EPS เพิ่มขึ้น การคืนทุนจะเร็วกว่า 10 ปี
เช่น ถ้าคาดว่าบริษัทจะเติบโตปีละ 20% ได้ 3 ปี แล้วหลังจากนั้นจะเติบโตปีละ 5% อีก 3 ปี
ก็คือปีที่ 1 EPS เพิ่มขึ้น 20% จาก 1 บาท เป็น 1.2 บาท (1+20%)
ปีที่ 2 EPS เพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.44 บาท (1.2+20%)
ปีที่ 3 EPS เพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.73 บาท (1.44+20%)
ปีที่ 4 EPS เพิ่มขึ้น 5% เป็น 1.81 บาท (1.73+5%)
ปีที่ 5 EPS เพิ่มขึ้น 5% เป็น 1.91 บาท (1.81+5%)
ปีที่ 6 EPS เพิ่มขึ้น 5% เป็น 2.00 บาท (1.91+5%)
แสดงว่า 6 ปี บริษัททำกำไรได้รวม 10.09 บาท/หุ้น หมายถึง 6 ปีคืนทุน
เพราะฉะนั้นเราจะบอกว่า P/E 10 เท่า คือ 10 ปีคืนทุนได้ในกรณีที่บริษัทมี EPS เท่าเดิมในทุกๆ ปี ไม่มีการเติบโตแล้ว หรือไม่แย่ลงแล้วนั่นเอง เพราะถ้าบริษัทมี EPS เพิ่มขึ้น -- ถ้าราคาเท่าเดิม -- P/E จะต่ำลง
มาดูกรณีที่บริษัทมี EPS ลดลงบ้าง ถ้าบริษัทมี EPS ลดลง ถ้าราคาเท่าเดิม P/E จะเพิ่มขึ้น แต่จริงๆ กรณีที่เรารู้ตั้งแต่ก่อนซื้อว่าบริษัทมีแนวโน้ม EPS จะลดลงต่อเนื่องที่ไม่ใช่เหตุการณ์ชั่วคราวก็ไม่ควรซื้อหุ้นนี้ตั้งแต่แรก
P/E Ratio เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่นิยมใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น ซึ่งก็คือหามูลค่าพื้นฐาน หรือราคาเหมาะสมของหุ้น
อีกหนึ่งอัตราส่วนทางการเงินคือ P/BV
P/BV (Price to Book Value Ratio) คือ อัตราส่วนทางการเงินที่มาจากการเปรียบเทียบ ราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น
P/BV = ราคาหุ้น (Price) / มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value per Share)
มูลค่าทางบัญชี หรือ Book Value คือมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัท เกิดจาก
การคำนวณ
มูลค่าทางบัญชี หรือ Book Value = สินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม
ถ้าเราดูงบแสดงฐานะการเงิน ซึ่งจะบอก สินทรัพย์ = หนี้สิน + ทุน (ส่วนของผู้ถือหุ้น)
เมื่อนำสินทรัพย์รวม - หนี้สินรวม ก็คือ “ส่วนของผู้ถือหุ้น” นั่นเอง
และถ้าเรานำส่วนของผู้ถือหุ้นมาหารด้วยจำนวนหุ้นชำระแล้ว ก็จะได้ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value per Share) ซึ่งมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น จะใช้ในการคำนวณ P/BV
ความหมายของ Book Value per Share คือ ถ้าบริษัทเลิกกิจการ ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินคืนในจำนวนเท่ากับมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น
เช่น ราคาหุ้น 4 บาท มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น 10 บาท
หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นแบบนี้ มักจะเรียกง่ายๆ ว่า “หุ้นต่ำ Book”
หมายถึงถ้าบริษัทเจ๊งไป เราจะได้เงินคืนหุ้นละ 10 บาท แต่เราใช้เงินลงทุนไปหุ้นละ 4 บาท
P/BV = 4/10 = 0.4 เท่า
เราจึงมักจะได้ยินคำพูดว่า หุ้นต่ำ Book คือ ซื้อได้ถูกกว่าเจ้าของ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นต่ำ Book จะน่าลงทุนเสมอไป
มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นส่งผลกับ P/BV อย่างไร?
ในทำนองเดียวกับ P/E เลย ถ้ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น -- ราคาเท่าเดิม -- P/BV ก็จะต่ำลง
แต่ถ้ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นมีแนวโน้มลดลง -- ราคาเท่าเดิม -- P/BV ก็จะสูงขึ้น
P/BV Ratio เป็นอีก 1 อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้นแบบเร็วๆ แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถดูอัตราส่วนทางการเงินเพียงตัวเดียวแล้วตัดสินได้ว่าหุ้นถูก หรือแพง ต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกัน
#หุ้น #ลงทุน #invest #investing #การลงทุน #ลงทุนหุ้น #เล่นหุ้น #ซื้อหุ้น #PERatio #อัตราส่วนทางการเงิน #มือใหม่ลงทุนหุ้น #นักลงทุนป้ายแดง #โอ้เอ้อินเวส #OhAeWay
KZitem: / @ohaeway
Facebook: / ohaeway
TikTok: / ohaeway
X: x.com/OhAeWay
Негізгі бет P/E, P/BV คืออะไร? : มือใหม่ลงทุนหุ้น EP.20 | นักลงทุนป้ายแดง
Пікірлер: 6