วันที่25ก.ค.67 เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. จตุจักร กทม.จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พานายพงศธร โชติเสมอ และภรรยาเข้าแจ้งความกองปราบฯ โดนบุคคลแอบอ้างตำรวจรีดทรัพย์ และข่มขู่ว่าจะอุ้มลูกสาววัย 4 ขวบไป จนทำให้ไม่กล้าให้ลูกสาวไปโรงเรียน และไม่กล้าแจ้งความด้วย
นายพงศธร กล่าวว่า ตนมีอาชีพซื้อขายผ้าไตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ค.67 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะตนนำผ้าไตรไปส่งขายที่ร้านแถวบริเวณข้างซอยวัดตะระเก จ.นนทบุรี ระหว่างที่นั่งรอเจ้าของร้านกลับเข้ามาที่ร้านได้มีรถกระบะสีขาว 4 ประตูป้ายทะเบียน 3 ขล 4622 ขับเข้ามาจอดเทียบและมีผู้ชายอยู่ในรถ 4 คน 1 คนเดินลงมาถามตนว่าผมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเปล่า
ขณะที่อีก 1 คนเดินไปค้นที่รถของตนที่จอดอยู่
ตนถามว่าทำผิดอะไร พี่ไม่มีสิทธิ์มาค้นรถผมนะชายทั้งหมด 4 คนจึงเดินมาค้นตัวก่อนจะกระชากกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือของตนไป
หลังจากค้นรถไม่พบวัตถุต้องสงสัยหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไร จึงสั่งให้เปิดแอพ kbank ให้เขาตรวจดูซึ่งไม่มีเงินในบัญชี ก่อนจะพูดคุยกันว่า “เอายังไงดีไม่มีเงินไม่มีอะไรเลย ก่อนจะบอกให้ตนมาทำงานให้หน่อยโดยทั้ง 4 คนนั่งรอให้ตนขายผ้าไตรให้เสร็จก่อน ระหว่างนั้นเอาโทรศัพท์มือถือตนไปแชทไลน์หาบุคคลที่ชื่อ“โฟล์ค คุยแชทไลน์กัน ติดต่อซื้อยาเสพติดกันเองแล้วก็บังคับให้ตนเอาเงินที่ขายผ้าไตรได้มาโอนจ่ายเงินค่ายาเสพติด และยังบังคับให้ตนแชทไลน์หาอีกหลายคนที่เขาสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องยาเสพติดให้ตนถามเรื่องราวไปจนถึงการล่อซื้อจับยาได้แล้ว
และมีคนส่งข้อความมาต่อว่าภรรยาตน บอกว่าเสียเงินให้ตำรวจไป 200,000 บาท ภรรยาตนจึงอัดเสียงสนทนาที่คุยกับคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเป็นหลักฐานด้วย ตนพยายามถามหาโทรศัพท์มือถือของตนอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ยอมคืน ตนมีความผิดอะไร มีข้อหาหรือไม่ แต่เขาไม่ตอบอะไรเลย นอกจากโทร.มือถือแล้ว ยังเอาทรัพย์สินอื่นไปประกอบด้วย โทรศัพท์ iPhone 13ราคา 45,000 บา ,มีดหมอหลวงพ่อเกาะซึ่งหาซื้อไม่ได้แล้วราคาอยู่ที่ 100,000 บาท , หลวงพ่อท่านคล้ายรุ่น 1 ราคา 50,000 บาท ,หลวงพ่อปานราคา 3,000 บาท , airport 2 ราคา 8,000 บาท, โทรศัพท์ redmi 15gราคา13,000 บาท , พร้อมเงินในบัญชีและ เงินสดจำนวน 7,300 บาท , กล้องวงจรปิด 2,500 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 228,800 บาท
ภรรยาผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนนี้ ครอบครัวของตนอยู่ด้วยความหวาดระแวง โดนข่มขู่ทุกทางโดยเฉพาะเรื่องการข่มขู่ที่ว่าจะอุ้มลูกตนไป ทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างไม่สงบสุข และยังไม่มีเงิน มาเลี้ยงครอบครัว เพราะบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจเอาไปหมด ตนต้องติดเงินค่าเช่าห้อง จนตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะไล่จากห้องเช่า ตอนไหน และก็ไม่กล้าที่จะให้ลูกสาววัย 4 ขวบ ไปโรงเรียน กลัวว่าลูกจะได้รับอันตราย ตอนนี้สงสารลูกมาก เพราะไม่มีเงิน ที่จะซื้อข้าวดีๆ ให้ลูก กินแต่ไข่ต้ม จึงวอน ขอร้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยไปตรวจสอบ บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจและมายึดทรัพย์สินของครอบครัวตนไป ว่าบุคคลกลุ่มนั้นเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และ และสามีตนทำผิดอะไร ถึงต้องมายึดทรัพย์สินไป และหวังว่าตนจะได้ความเป็นธรรม และทรัพย์สิน ทุกอย่างที่ถูกยึดไปกลับคืนมา
เบื้องต้น ผู้เสียหาย เข้าพบ พงส.บก.ปปป. เตรียมแจ้งความ แต่มีรายการทีวีช่องหนึ่งขอพาผู้เสียหายไปออกอากาศช่วงบ่ายโมงก่อน พงส.จึงนัดผู้เสียหายมาแจ้งใหม่สัปดาห์หน้าต่อไป
ต่อมาเวลา 14.00 น.ที่ ห้องประชุมชั้น 2 สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย พ.ต.ท.ชาญชัย วรัญญูรัตนะ รอง ผกก.สส.สภ.บางกรวย พ.ต.ต.ไพรวัลย์ น้อมจันทึก สว.สส.สภ.บางกรวย แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมนำคลิป และกล้องวงจรปิดให้กับผู้สื่อข่าว เป็นวินาทีขณะที่เจ้าหน้าที่ เข้าไปเเสดงตัวเพื่อจะขอตรวจค้นนายพงศ์ อยู่ภายในซอยข้างวัดตาระเก โดยเจ้าหน้าที่มีการเเสดงบัตรให้เห็นอย่างชัดเจน ก่อนจะมีการค้นตัวตามปกติ ซึ่งตัวนายพงศ์ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ภาพกล้องวงจรปิดภายในวัดเชิงกระบือ โดยตำรวจระบุว่าภายหลังจากที่พบภาพยาเสพติดในโทรศัพท์มือถือของนายพงศ์ จึงให้เจ้าตัวพิมพ์ข้อความไปล่อซื้อยาเสพติดจากเครือข่าย นัดรับของกันที่วัดเชิงกระบือ โดยนาย ก บอกว่าจะให้ไรเดอร์มาส่งของให้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของวัด จะเห็นนายพงศ์ เดินไปเดินมาอยู่ในวัดกับตำรวจ เป็นช่วงเวลาที่รอของ จะเห็นว่าตำรวจไม่ได้มีการควบคุมตัว เเละไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมาก็มีการเปลี่ยนสถานที่ส่งของ ไปเป็นบริเวณหน้าการไฟฟ้า
ภายหลังจากการล่อซื้อล้มเหลว ตัวนายพงศ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เเยกย้ายกัน โดยภาพวงจรปิดจะเห็นรถของนายพงศ์ ขับออกไปก่อน ขณะที่รถตำรวจขับออกไปทีหลัง
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวชี้แจงว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุทางสารวัตรสืบสวนได้รับแจ้งจากสาย รายงานว่ามีคนจะมาส่งยา โดยใช้ยานพาหนะรถเก๋งสีดำ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปซุ่มตรวจเจอรถของผู้ร้อง อยู่ในที่เกิดเหตุพอดี จึงได้เข้าไปค้นตามพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการแสดงบัตร แล้วไม่ได้ทำร้ายร่างกาย และที่เกิดเหตุเป็นที่โล่งแจ้ง เจอผู้ร้องนั่งอยู่ริมทางซุ่มอยู่ แล้วไปเจอภาพกำลังซื้อขายยาเสพติดในโทรศัพท์มือถือ มีการเสนอขาย ด้วยจิตวิญญาณของนักสืบคิดว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาโทรศัพท์ไปล่อซื้อ ไม่ได้เป็นความจริง ได้สอบถามผู้ร้องบอกว่า ไม่ได้พัวพันกับยาเสพติดแล้วเมื่อก่อนเคย ทางชุดสืบสวนจึงขอตรวจสอบรถ ทางตำรวจบริสุทธิ์ใจทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ร้องจะไม่พอใจยังไงก็แล้วแต่ ทางตำรวจไม่มีการทำร้ายร่างกาย ผู้ร้องมีประวัติพกพาอาวุธปืน และคดีปล้นเมื่อปี 2556 ส่วนที่บอกว่า มีการเรียกเงิน 200,000 บาท ไม่มีการเรียกเงินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข่าวปรากฎออกไปทางตำรวจได้รับความเสียหาย ในฐานะที่ตนเป็นผู้กำกับสถานีตอนนี้จะตนจะกู้ภาพลักษณ์ของตำรวจกลับคืน ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาอีกครั้งในการที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ร้องเรียน
Негізгі бет ผู้เสียหายร่ำไห้ถูกชายอ้างเป็น ตร. ตรวจค้นยึดทรัพย์สินกว่า 2 แสน ก่อรข่มขู่ให้ช่วยล่อซื้อยาเสพติดอีก
Пікірлер