คุณพ่อร้องสื่อช่วย หลังลูกชายถูกจับเป็นแพะคดียาเสพติดกว่า 162,000 เม็ด แต่คุณพ่อค้าน เนื่องจากช่วงเวลาจับกุม ลูกของตนรักษาตัวโควิด-19 อยู่ในโรงพยาบาล พร้อมชูหลักฐานการรักษา
ช็อตเด็ด นาทีเดือด!
00:00 พ่อร้อง ลูกชายเป็นแพะขนยาแสนเม็ด งัดหลักฐานสู้ ลูกป่วยโควิดอยู่ รพ.
00:12 ครอบครัวสุดงง! รพ.สนาม ยกเลิกใบรับรองแพทย์
04:33 งงตาแตก! ตร. เข้าจับกุม อ้างคล้ายคนร้ายที่หลบหนี
09:41 ผบช.ตร.ภาค3 แจง! หลักฐานของตำรวจเพียงพอต่อการจับกุม
19:55 พี่ชาย ถาม! หลังบ้านติดชายแดน ทำไมไม่หนีออกนอกประเทศ?
21:37 เปิดจดหมายจากในเรือนจำ ลูกส่งถึงพ่อแม่
24:35 ทนายสงกาญ์ แนะ! ตกเป็นแพะ ทำอย่างไร?
วันที่ 21 ก.ค. 65 ชูชาติ พูลผล (เตี้ย) พ่อที่เชื่อว่าลูกชายตกเป็นแพะ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายาการข่าวเย็นประเด็นร้อน ในช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า มีหลักฐานจากโรงพยาบาล ว่าลูกเข้าตรวจรักษาโควิด-19 ในช่วงเวลาที่ตำรวจทำการจับกุมยาเสพติด ซึ่งไม่ได้ทำการปลอมแปลงเอกสาร เราขอมาอย่างุถูกต้องโดยขอมา ช้ในการเป็นหลักฐานสู้คดีของลูกชาย แล้วทางโรงพยาบาลก็อนุมัติ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงพยาบาลถึงได้ยกเลิกเอกสารชิ้นนี้
ตนได้เข้าไปร้องเรียนกับ ยุติธรรมจังหวัดแล้ว เขาเข้าไปช่วยจริง ๆ โดยลงพื้นที่ไปหาน้องจริง ๆ หลังจากที่เขารับเรื่องมา เขาบอกว่าเงินประกันในพื้นที่จังหวัดมันไม่ถึง ต้องส่งเรื่องไปส่วนกลาง และส่วนกลางก็อนุมัติเงินประกัน 2 ล้านบาทให้ ต้องขอบคุณยุติธรรมจังหวัดมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอทางศาลฯอนุมัติการประกันอีกที
ทั้งนี้ ทางทีมงาน "ถกไม่เถียง" ได้ตรวจสอบกับทางโรงพยาบาลดังกล่าว ได้ใจความว่า โรงพยาบาลไม่ได้ยกเลิกประวัติการรักษา เพียงแต่ไม่สามารถยืนยันตัวได้ว่าผู้ก่อเหตุอยู่ที่โรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ตำรวจจับยาเสพติด
ด้าน อิสระชัย พูลผล (ต้า) พี่ชาย เผยว่า วันที่น้องถูกจับ ตำรวจมาที่บ้าน มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่าง ๆ และพาพนักงานชุดจับกุม 2 คน มาด้วย เพื่อเป็นพยานชี้เป้า โดยเขาบอกว่าเขาจำน้องตนได้ ซึ่งนายธนกรก็งง เพราะไม่เคยรู้จักกับตำรวจทั้ง 2 นายมาก่อน ซึ่งตำรวจก็พยายามสอบถามอีกว่า "จำไม่ได้จริง ๆ หรือ วันก่อนยังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่เลย" ซึ่งนายธนกรก็ยืนยันว่าไม่รู้จักจริง ๆ ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้ามาชี้ว่า กางเกงยีนส์ กับเสื้อแขนยาวของน้อง คล้าย ๆ กับผู้ก่อเหตุ อีกทั้งยังชี้ว่านาฬิกาเรือนสีแดงของน้องว่าคล้าย ๆ กับผู้ก่อเหตุ แต่น้องตนก็บอกว่านาฬิกานั้น เป็นนาฬิกาตายไม่ได้ใช้งาน แถมฝุ่นเกาะเขรอะอีกด้วย สุดท้ายเขาก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่เอาเสื้อผ้า นาฬิกาไปด้วย พอตนถาม ทางตำรวจก็เงียบ
ทางโรงพยาบาลที่น้องรับรักษาตัวโควิด-19 มีการล็อกประตู และมีพยาบาลเวรยามคอยเฝ้าอยู่ แต่ทางตำรวจอ้างว่า ตัวน้องสามารถปีนออกมาจากด้านหลังได้ ซึ่งข้างหลังมีกล้องวงจรปิดอยู่ ถ้าหากน้องปีนออกมาจริง หรือตำรวจมีภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมายืนยันว่าน้องปีนออกมา ตนก็จะยอมรับว่าน้องผิดจริง
อย่างไรก็ตาม หากน้องปีนออกมาจริง ใครจะเป็นคนมารับ กล้องวงจรปิดหน้าโรงพยาบาล 6-7 ตัว ซึ่งมันสามารถชี้ชัดได้ ขณะเดียวกัน การเดินทางจากโรงพยาบาลไปที่ก่อเหตุตลอดระยะทาง 89.8 กิโลเมตร มีกล้องวงจรปิดตลอด หากตำรวจจะหาหลักฐานมายืนยันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ไม่ใช่ว่าเอาเจ้าหน้าที่พนักงาน 2 คนมาชี้ตัวแบบนี้
ชนะดล เหง้าเกษ (ดล) และ ศุภนันท์ กงชัยภูมิ (เจน) พยาน เล่าว่า ดลเป็นคนถ่ายคลิปเล่นกันกับเพื่อนในวันที่ 23 ม.ค. 65 เวลา 13.16 น. ที่โรงพยาบาลระหว่างกักตัวรักษาโควิด-19 ซึ่งเป็นวันที่ ตำรวจอ้างว่าเพื่อนของตนลักลอบขนยาเสพติด และยืนยันว่าเป็นคลิปจริง ไม่ได้แก้ไขข้อมูล สามารถนำไปตรวจสอบได้เลย สุดท้าย ยืนยันว่า อยู่กับเพื่อนตลอด ไม่ได้มีการหนีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม อิสระชัย พูลผล (ต้า) พี่ชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะนำคลิปเหล่านี้ไปตรวจสอบ ขอให้เป็นหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจ เนื่องจาก เราต่อสู้กับตำรวจ ผู้ถือกฎหมาย และจากที่เห็นขนาดใบรับรองแพทย์เขายังยกเลิกได้ แถมยังบอกว่าสถานกักกันโรคมันสามารถออกไปได้ และในวันที่เกิดเหตุพยาบาลบอกว่า มีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งในสถานกักกันโรคคนจะสามารถเข้าออกได้จริง ๆ หรือ
ส่วนประเด็นเรื่องที่ตำรวจเจอโทรศัพท์ตกอยู่ในรถ ซึ่งถ้าหากตกอยู่ในรถจริง แต่วันที่มาจับน้อง ก็ยึดโทรศัพท์น้องไปเหมือนกัน โดยโทรศัพท์ของน้องเป็น Iphone 11 ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด วันที่จับกุม น้องก็แสดงความบริสุทธิ์ใจบอกรหัสเข้าเครื่องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอยู่เลย
ทั้งนี้ ตนอยากตั้งคำถาม ว่าหลังบ้านของตนเป็นเขตชายแดน การจะข้ามชายแดนแค่ 100 เมตร แต่จะหนีกลับไปโรงพยาบาลทำไม แถมการจับกุมยังเกิดขึ้นตอนกลางวัน แต่ตำรวจกลับบอกได้แค่ว่าชุดของน้องตนคล้ายกับผู้ก่อเหตุ มันควรจะจำได้ชัด ๆ
ขณะที่ พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เผยว่า ในการจับกุมที่เกิดเหตุครั้งแรก ผู้ต้องหาคนที่ 1 คืออนาย ฐากูร พร้อมกับพยานวัตถุ และที่สำคัญคือมีโทรศัพท์ตกอยู่ในรถ ซึ่งไม่ใช่โทรศัพท์ของนาย ฐากูร แต่ยืนยันได้ว่าเป็นของคนที่นั่งมาด้วย แต่คนนั้นก็หนีรอดจากตำรวจไปได้ อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์ที่ตกอยู่ในรถเป็นพยานวัตถุอย่างหนึ่ง และเราใช้เทคโนโลยีตรวจสอบความเชื่อมโยงกับคดี และได้ส่งไปให้ทางนิติวิทย์ยาศาสตร์ตรวจหาดีเอ็นเอ
จากพยานหลักฐานที่เรารวบรวมได้มา ทั้งพยานบุคคล จากตัวนาย ฐากูร และโรงพยาบาล รวมทั้งข้อมูลจากชุดจับกุม ทำให้ศาลฯรับฟังได้ว่าเป็นผู้ต้องหาหลบหนีในคดีนี้ จึงได้อนุมัติหมายจับ และหมายค้นให้
พบกับรายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” และไม่พลาดทุกประเด็น “ถกไม่เถียง” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
#ข่าวเย็นประเด็นร้อน #ถกไม่เถียง #TERODigital #Ch7HDNEWS
Негізгі бет พ่อร้อง ลูกชายเป็นแพะขนยาแสนเม็ด งัดหลักฐานสู้ ลูกนอนป่วยโควิดอยู่ รพ.
Пікірлер: 519