พระพุทธรูปแห่งบามิยัน|กลับมาอีกครั้งอย่างสวยงาม #ค่ำคืนแห่งพุทธองค์ เคยยืนทอดสายตามองเหนือหุบเขาบามิยัน
#พระพุทธรูปบามิยัน ” เคยยืนทอดสายตามองเหนือหุบเขาบามิยัน ตอนกลางของ #ประเทศอัฟกานิสถาน มาเป็นเวลานานถึงกว่า 1,500 ปี ทว่าในเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2544 ก็ได้ถูกระเบิดไดนาไมต์ทำลายอันตธานไปจากหน้าผา #หุบเขาบามิยัน
ณ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา #พระพุทธรูปแกะสลัก แห่งหุบเขาบามิยัน ที่ชาวไทยมักเรียก “ #หลวงพ่อโต บามิยัน” ดูดั่งได้กลับมาปรากฏกายสว่างเรืองรอง ณ หุบเขาบามิยัน
คู่รักเศรษฐีแดนมังกร จางซินอวี๋และเหลียงหง ทุ่มเงินราว 3.7 ล้านบาท เพื่อฉายภาพ “พระพุทธรูปบามิยัน” เป็นภาพสามมิติสีทองงามอร่าม ณ ช่องเขาบามิยัน ด้วยเทคโนโลยีการฉายภาพสามมิติ หรือที่เรียกกันว่า โฮโลแกรม เพื่อระลึกถึงการทำลายล้างพระพุทธรูปแกะสลักองค์นี้ ที่ถูกรัฐบาลตตาลีบัน (Taliban) แห่งอัฟกานิสถานสั่งให้ระเบิดทำลายไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว
อันที่จริงความคิดในการฉายภาพสามมิติ “พระพุทธรูปบามิยัน” นั้น เดิมทีเป็นความคิดของศิลปินชาวญี่ปุ่น ฮิโร ยามากาตะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 แล้ว แต่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ยังไม่มั่นใจในเทคนิคการฉายภาพสามมิติฯ ของเขา จึงไม่อนุญาตเนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความเสียหายแก่หุบเขาเก่าแก่แห่งนี้
เมื่อสามีภรรยาจีนคู่นี้ได้ยินเรื่องราวของศิลปินแดนอาทิตย์อุทัยจึงได้เกิดแรงบันดาลใจ เนื่องจากทั้งคู่มีความรู้ความชำนาญในการ #ฉายภาพสามมิติ และมั่นใจว่าจะไม่สร้างความเสียหายให้แก่โบราณสถานแห่งนี้ โครงการฉายภาพสามมิติ “พระพุทธรูปบามิยัน” จึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาร่วมในโครงการฯ ด้วย
โครงการฯ ได้ฉายภาพพระพุทธรูปทั้งหมดสองวัน วันละสิบกว่าชั่วโมง โดยมีผู้คนราว 150 คน ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการกลับมาอีกครั้งของพระพุทธรูปแกะสลักแห่งช่องเขาบามิยัน
ชาวบ้านคนหนึ่งในละแวกนั้นกล่าวว่าแม้การฉายภาพจะไม่สามารถแทนที่พระพุทธรูปที่ถูกทำลายไป แต่ก็ช่วยย้ำเตือนว่าท่านยังไม่ได้ลบเลือนไปจากความทรงจำของผู้คน
สำนักข่าวสถานีโทรทัศน์กลางแห่ประเทศจีน หรือซีซีทีวี รายงานว่า หลังเสร็จสิ้นภารกิจ คู่รักมหาเศรษฐีได้บริจาคอุปกรณ์ในการฉายภาพให้แก่หน่วยงานดูแลรักษามรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นของบามิยัน โดยกล่าวว่า “นี่คือของขวัญที่ชาวจีนมอบให้แก่ชาวอัฟกานิสถาน” และมีเงื่อนไขว่าทางหน่วยงานฯ จะต้องจัดฉายภาพสามมิติฯ ต่อไปในเดือนมีนาคมของทุกปี
พุทธศาสนาในประเทศอัฟกานิสถาน
พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามาในดินแดนแถบนี้ตั้งแต่ครั้ง #สมัยพุทธกาล โดยกลุ่มชาวศากยะที่หนีตายจากการรับสั่งให้ฆ่าของพระเจ้าวิฑฑูภะ พระราชโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีเจ้าชายองค์หนึ่งได้เข้าพิธีเสกสมรสกับพระเทพธิดาพญานาค แล้วมาตั้งรกรากอยู่ที่แคว้นอุทยาน (Udyana) ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ต่อมาหลังจากทุติยสังคายนา คือ #การสังคายนา #พระไตรปิฎก ฝ่าย #เถรวาท ครั้งที่ ๒ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจาก #พุทธปรินิพพาน ได้ ๑๐๐ ปี ก็มีคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งเรียกว่า มหาสังฆิกะ ที่แยกตนออกไปต่างหากจากกลุ่มเถรวาทเดิม ได้เดินทางเข้ามาเผยแผ่หลักธรรมหลักปฏิบัติในบริเวณแคว้นนครหาร (Nagarahara) ซึ่งใกล้กับแคว้นคันธาระหรือคันธารราฐ (Gandhara) ทางทิศเหนือ แต่สองยุคนี้ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดในทางประวัติศาสตร์
หลายพันปีต่อมา ชาวมุสลิมเข้ามารุกรานประเทศอัฟกานิสถาน #พระพุทธศาสนาช่วยโลก จึงเสื่อมลงเรื่อยๆ และมีการทำลายพระพักตร์ของพระพุทธรูปแห่งบามิยัน (Buddhas of Bamiyan) องค์ใหญ่ทั้ง 3 องค์ เพราะชาวมุสลิมเชื่อว่าถ้า #พระพุทธรูปถูกทำลาย พระพักตร์ก็จะหมดความศักดิ์สิทธิ์ลงไป แต่ในสมัยนั้นก็ยังมีผู้นับถือพระพุทธศาสนาอยู่หลักหมื่น สิทธิการแสดงออกของเขาทำได้เพียงใช้ผ้าสีเหลืองเล็กๆ ผูกหางเปียสั้นๆ เท่านั้น ต่อมาในยุครัฐบาลตาลีบัน (Taliban) เข้าปกครองประเทศอัฟกานิสถานนี้เป็นเวลา 5 ปี ชาวพุทธจะต้องผ่านเหตุการณ์อันเลวร้าย รอดชีวิตเพียงไม่กี่ราย และมีความหวังที่จะกลับไปสัมผัสหุบเขาบามิยันอีกครั้งในชีวิต แต่พระพุทธรูปแห่งบามิยันก็ถูกทำลายอย่างย่อยยับโดยรัฐบาล #ตาลีบัน และ #ชาวพุทธ ในอัฟกานิสถานที่รอดชีวิตมาได้ก็อพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถาน
#เรื่องเล่าจากบันทึก เล่าเรื่องต่างๆที่มีสาระและน่าสนใจ ประวัติศาสตร์ ประวัติบุคคลสำคัญต่างๆ รวมถึงธรรมะคำสอนต่างๆ
Негізгі бет พระพุทธรูปแห่งบามิยัน|กลับมาอีกครั้งอย่างสวยงามค่ำคืนแห่งพุทธองค์เคยยืนทอดสายตามองเหนือหุบเขาบามิยัน
Пікірлер: 561