Omega เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 170 ปี และนาฬิกาแบรนด์เดียวที่ผ่านบททดสอบของ NASA และยังทำสถิตินาฬิกาที่ไปสู่จุดที่ลึกที่สุดของโลกอีกด้วย
แล้ว Omega ทำอย่างไรถึงสามารถผ่านบททดสอบต่าง ๆ มาได้ มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
Chapter 1 - จุดเริ่มต้นของ Omega
เรื่องราวของ Omega ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1848 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยช่างทำนาฬิกาหนุ่มวัย 23 ปี ที่ชื่อว่า Louis Brandt. เขาต้องการที่จะพัฒนานาฬิกาให้มีความเที่ยงตรงและแม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเพียงไม่กี่ปีถัดมาคุณภาพนาฬิกาของ Louis Brandt ก็ได้รับการยอมรับทั่วทั้งสวิสฯ และหลังจากนั้นไม่นานก็เป็นที่ยอมรับไปทั่วยุโรป
กำเนิดตำนาน Seamaster
ในปี 1948 แบรนด์ Omega ได้มีการเปิดตัวคอลเลกชั่น Seamaster อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะแตกต่างกับ Seamaster ที่เราคุ้นชิน เพราะรุ่นแรกถูกออกแบบมาเป็นนาฬิกา Dress Watch ที่สามารถกันน้ำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้ง Omega ยังได้ผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพอังกฤษเพื่อใช้ในภารกิจต่าง ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
Chapter 2 - ยุคทองของ Omega
เริ่มต้นในช่วงยุค 50s ที่มีการแข่งขันความเที่ยงตรง Omega จึงได้เปิดตัว Constellation ในปี 1952 เพื่อฉลองความสำเร็จในการครองอันดับ 1 เรื่องความแม่นยำของนาฬิกาและได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดจาก COSC ฉะนั้นคอลเลกชั่น Constellation จึงได้มาตรฐาน COSC ทุกเรือน และมีคำว่า Chronometer อยู่บนหน้าปัดทุกเรือนเช่นกัน
กำเนิด The trio of master watch
ถัดมา 5 ปี ในปี 1957 Omega ก็ได้ปล่อยตัว Trio of Master watches ออกมา นั่นก็คือนาฬิกา Professional 3 รุ่น ได้แก่ Seamaster 300, Railmaster และ Speedmaster โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ตัวเรือนจะเป็นสแตนเลสสตีลมาพร้อมหน้าปัดทรอปิคอล (Tropical) สีดำ ซึ่ง Master collection ทั้ง 3 เรือนนี้จะมีจุดเด่นรวมกันอยู่ที่เข็มนาฬิกาเป็นแบบ Broad Arrow ที่มีลักษณะเป็นหัวลูกศรที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ที่มาของฉายา "Moonwatch"
ในวันที่ 20 กรกฎาคม 1969 ได้มีภารกิจ The Apollo 11 คนที่เหยียบดวงจันทร์เป็นคนที่สอง คือ Buzz Aldrin เขาได้สวมใส่นาฬิกา Omega Speedmaster Professional calibre 321 ซึ่งเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ จึงได้รับฉายาว่า "Moonwatch"
ยุค Quartz Crisis
ในช่วงทศวรรษ 1970 ยุค Quartz Crisis ทำให้นาฬิกาหลายแบรนด์ได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน ส่วน Omega ก็ปรับตัวและพัฒนาระบบควอตซ์ของตัวเอง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Constellation Electroquartz f8192 Hz ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ณ ช่วงเวลานั้น เพราะนาฬิกานี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและมีความแม่นยำในการบอกเวลาเป็นอย่างมาก
Seamaster กับ James Bond
ในปี 1995 เกิดจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Seamaster โด่งดันจนเป็นที่จับตามอง เนื่องจาก Pierce Brosnan ที่รับบทเป็นสายลับ James Bond ในขณะนั้นได้สวมใส่ Omega Seamaster Professional Diver 300M แสดงในภาพยนต์เรื่อง Golden Eye (พยัคฆ์ร้าย 007 รหัสลับทลายโลก) และแม้จะผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว Seamaster ก็ยังคงเป็นนาฬิกาที่ James Bond ได้เลือกสวมใส่มาโดยตลอด จึงทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "นาฬิกา James Bond"
Omega ในยุคปัจจุบัน
Omega เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิการะดับโลกที่ผ่านการทดสอบมาอย่างมากมาย แต่ Omega ก็ไม่เคยหยุดพัฒนาเลย โดยนาฬิการุ่นใหม่ของ Omega ได้ถูกอัปเกรด Movement ที่ได้เทคโนโลยีของ co-axial มาช่วยเพิ่มความแม่นยำและยังสามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ถึง 15,000 เกาส์ และบางเรือนยังได้รับการรับรองมาตรฐานใหม่เป็น Master Chronometer ซึ่งเพิ่มความแม่นยำเหนือ COSC ไปอีกขั้น
ติดตาม Instagram For Exclusive Wrist Shot : / auctionhouse_official
ติดตามคอนเทนต์นาฬิกาที่น่าสนใจได้ที่ / auctionhouse.th
ซื้อ-ขายนาฬิกามือสองได้ที่ www.auctionhou...
อย่าลืมกดติดตามเพื่อรับชมวิดีโอที่น่าสนใจก่อนใคร
#AuctionHouse #WatchReview #WatchInsights #ลงทุนนาฬิกา #รีวิวนาฬิกา
Негізгі бет Тәжірибелік нұсқаулар және стиль ประวัติความเป็นมาของ Omega | Auction House
Пікірлер: 63