ประวัติพระปุณณสุนาปรันตเถระ
พระเถระที่ชื่อ “ปุณณะ” ในพระบาลีปรากฏอยู่ ๒ ท่านที่สำคัญคือ
๑. พระพระปุณณมันตานีบุตร เป็นบุตรของ นางมันตานีพราหมณี ต่อมาได้บวชแล้วพระพุทธเจ้าทรงสถาปนาท่านเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าพวกภิกษุสาวกผู้เป็นธรรมกถึก
๒. พระปุณณสุนาปรันตะ ตามเรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้
พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในอดีต ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ ตามเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับ ดังนี้
บุรพกรรมที่ทำไว้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า
ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ ในกาลที่โลกว่างจากพระพุทธเจ้า ท่านบังเกิดในตระกูลพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว สำเร็จการศึกษาในศิลปศาสตร์ของพราหมณ์ เห็นโทษในกามทั้งหลายละฆราวาสวิสัย แล้วบวชเป็นดาบส สร้างบรรณกุฏิ แล้วอยู่อาศัย ณ หิมวันต์ประเทศ
ณ ที่เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากที่ซึ่งพระดาบสนั้นอยู่ พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพำนักอยู่ วันหนึ่งพระปัจเจกพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงอาพาธ และทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว ในเวลาที่พระปัจเจกพระพุทธเจ้านั้นปรินิพพาน ก็ได้บังเกิดแสงสว่างลุกโพลงขึ้น หมี หมาป่าเสือดาว เนื้อร้ายและราชสีห์ ที่อาศัยอยู่ในไพรสณฑ์นั้นทั้งหมด ก็ได้พากันส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น ดาบสเห็นเหตุอัศจรรย์ดังกล่าว นั้นแล้ว เหลียวมองดูข้างโน้น ข้างนี้ โดยจะพิสูจน์ว่า แสงสว่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหนอแล จึงได้เดินทางไปสู่เงื้อมเขา แลเห็นพระปัจเจกสัมพุทธเจ้าปรินิพพานที่เชิงเขา ท่านจึงนำเอาหญ้า และไม้ฟืนที่มีกลิ่นหอมมากองให้เต็มแล้ว ได้ทำเชิงตะกอนขึ้นบนนั้น ครั้นทำเชิงตะกอนดีแล้ว จึงได้ถวายเพลิงพระปัจเจกพุทธสรีระ ครั้นถวายเพลิงพระสรีระแล้ว ได้นำเอาน้ำอบประพรม
ที่เงื้อมเขานั้นมีเทวบุตรองค์หนึ่ง ยืนอยู่ในอากาศ กล่าวอย่างนี้ว่า สาธุ สาธุ ท่านสัตบุรุษ กรรมที่ท่านบำเพ็ญกิจนั้นแก่พระปัจเจกะผู้สยัมภุแล้ว ด้วยบุญนั้นท่านจักบังเกิดในสุคติภพเท่านั้น และท่านจักมีนามว่า ปุณณะ ดังนี้
กำเนิดเป็นปุณณมาณพในสมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บังเกิดในตระกูลคฤหบดี ที่ท่าชื่อว่า สุปปารกะ ในสุนาปรันตชนบท ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้มีนามว่า "ปุณณะ" ท่านมีน้องชายอีกคนหนึ่งชื่อว่า จุลปุณณะ เมื่อทั้งสองเจริญวัยแล้ว ก็ได้ทำการค้าโดยกองเกวียน
ในสองพี่น้องนั้น บางทีพี่ชายก็นำเกวียน ๕๐๐ เล่ม ไปชนบทแล้วก็บรรทุกสินค้ามา บางทีก็น้องชายเป็นผู้ทำ ส่วนในครั้งนี้ ปุณณะผู้พี่ชายให้น้องชายอยู่เฝ้าบ้าน แล้วตัวเองก็นำเอาเกวียน ๕๐๐ เล่ม เที่ยวไปตามหัวเมือง มาถึงกรุงสาวัตถี โดยลำดับ พักกองเกวียนอยู่ใกล้ ๆ พระเชตวัน กินอาหารมื้อเช้าแล้ว นั่งพักผ่อนตามสบาย
สมัยนั้น ชาวกรุงสาวัตถี กินอาหารมื้อเช้าแล้ว อธิษฐานองค์อุโบสถ สวมเสื้อสะอาด ถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น แล้วพากันออกไปทางประตูทิศใต้ไปสู่พระเชตวัน เมื่อเขาเห็นคนเหล่านั้นเดินทางกันมาเป็นกลุ่ม จึงถามชายคนหนึ่งว่า พวกนี้ไปไหนกัน นี่นาย คุณไม่รู้อะไรเลยหรือ บัดนี้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลก เพราะอย่างนี้แหละหมู่ชนพวกนี้ จึงพากันไปฟังธรรม กถาในสำนักของพระศาสดา เมื่อได้ยินคำว่า พุทธะ จากปากของชายคนนั้นเขาก็เกิดความเลื่อมใส เขาจึงพาบริวารของตนไปสู่วิหารกับหมู่ชนพวกนั้น ยืนอยู่ท้ายสุดของบริษัทฟังธรรมของพระศาสดาที่ กำลังแสดงธรรมอยู่ด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะ แล้วเกิดความเลื่อมใสอยากจะบวช ขึ้นมา เมื่อบริษัททั้งหลายกลับไปแล้ว ก็เข้าเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ทูลอาราธนาเสวยพระกระยาหารในวันรุ่งขึ้น ในวันที่สองจึงให้สร้างปะรำ ตั้งอาสนะ ถวายมหาทานแด่พระสงฆ์มีองค์พระพุทธเจ้าเป็นพระประมุข เมื่อเสร็จภัตกิจ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุโมทนาแล้วเสด็จกลับ
Негізгі бет ประวัติ พระปุณณสุนาปรันตเถระ
Пікірлер: 18