กระทรวงเกษตรและสหรณ์ ประกาศมาตรการเร่งด่วนล่า 'ปลาหมอคางดำ' พร้อมเคาะราคารับซื้อ 15 บาทต่อกก. บรรยากาศถกเดือด ตัวแทนประมงถามหาต้นตอรับผิดชอบ - ด้าน 'ธรรมนัส' รุดสังเกตการณ์ ก่อนลั่น หากชัดเจนบริษัทต้นเรื่อง ไม่เอาไว้แน่ - ขณะที่ 'อธิบดีประมง' เผย กรมประมงไม่พบตัวอย่างปลา ตามที่เอกชนอ้างส่งมอบให้เมื่อปี 2554 เตรียมแถลงละเอียดวันนี้ (17 ก.ค. 67)
วานนี้ (16 ก.ค. 67) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ปลาหมอคางดำ ว่า
จากข้อมูลทางวิชาการ ปลาสายพันธุ์นี้อยู่ได้ทั้ง 3 น้ำ น้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย แต่ ณ ปัจจุบัน ตนคิดว่าอยู่ได้ 4 น้ำด้วยซ้ำ น้ำเน่าก็อยู่ได้ น้ำเสียก็อยู่ได้ เพราะฉะนั้น มันมีความคงทน เรียกว่าอึด เผชิญต่อทุกสภาพแวดล้อม ที่สำคัญ ปลาตัวเมียท้องทุก 2 เดือน เพราะฉะนั้น มันปล่อยลูกตัวเล็กให้ตัวผู้อม เพื่อป้องกันอันตราย จนกว่าจะแข็งแรงจำนวน 200-300 ตัว อัตราการเจริญเติบโต หรือขยายพันธุ์มันทวีคูณมาก
อานุภาพการทำลายล้างของปลาชนิดนี้มันจะไม่กินกันเอง เมื่อหิวไม่กินปลาสายพันธุ์เดียวกันเอง แต่จะไปกินปลาสายพันธุ์อื่น และระยะเวลาในการหิว จากที่มีรายงานเข้ามา ปลาชนิดนี้หิวทุกชั่วโมง เพราะฉะนั้น ทุกชั่วโมง ปลาที่กำลังจะขยายพันธุ์ มันหิว มันก็ต้องกินทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำขนาดเล็ก พืช พี่พบเจอกันในคลองธรรมชาติ
นายณัฐชา กล่าวอีกว่า หากไปในลำคลองสาธารณะตอนนี้ ต้องพบปลาอย่างน้อย 5-6 สายพันธุ์ แต่ตอนนี้มีเพียงปลาหมอคางดำ 90-95%
นายณัฐชา ระบุว่า บริษัทที่นำเข้ามาทำการทดลองในตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแจ้งว่าได้ทำลายทิ้งไปหมดแล้ว ซึ่งปี 2555 เกษตรกรในตำบลยี่สาร ก็พบปลาสายพันธุ์นี้ครั้งแรก โดยไม่ทราบชื่อ และแจ้งต่อกรมประมงว่า ในตำบล พบปลาสายพันธุ์นี้เยอะมาก คล้ายปลาหมอเทศ แต่มีคางสีดำ ไม่แน่ใจว่าเป็นปลาชนิดอะไร
“มันบังเอิญอยู่ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ระยะเวลาไล่เลี่ยกัน อันนี้คือข้อสงสัยที่น่าตั้งข้อสังเกตอย่างยิ่ง”
นอกจากนี้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา อนุ กมธ. ได้เรียกบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ มาชี้แจงถึงกรณีการนำเข้าปลาหมอคางดำต่ออนุฯ
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่ขอชี้แจงเป็นเอกสาร ซึ่งเขาให้ข้อมูลว่าได้มีการขออนุญาตนำเข้าจริง จากคณะกรรมการความหลากหลายทางชีวภาพ เมื่อปี 2549 หลังจากนั้นเมื่อขออนุญาตแล้วก็ไม่ได้นำเข้าเลย แต่มานำเข้าในปี 2553 ซึ่งขออนุญาตนำเข้าจากประเทศกานามาทั้งหมด 2,000 ตัว หลังจากนำเข้าพอมาถึงแล้ว ยังไม่ได้เริ่มต้นโครงการวิจัยปลาก็อ่อนแอ และทยอยตายไปทั้งหมด
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า เริ่มต้นมาถึงแล็บก็เหลือเพียง 600 ตัว หลังจากนั้นก็ทยอยตายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทางแล็บยกเลิกโครงการไป แล้วได้ทำลายซากปลาที่เหลือด้วยการฝังกลบ โรยปูนขาว หลังจากนั้นก็ได้เก็บตัวอย่างจำนวน 50 ตัว ใส่ขวดโหล ดองฟอร์มาลีนโหลละ 25 ตัวส่งให้กรมประมง ตามกระบวนการขั้นตอนที่กรมประมงระบุไว้ในปี 2554
และขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาด เนื่องจากทำตามขั้นตอนของกรมประมงทั้งหมด และยืนยันว่าทำลายซากปลาเสร็จสิ้นแล้ว นี่คือข้อมูลตามเอกสารที่ทางซีพีเอฟส่งมายังอนุฯ
นายณัฐชา กล่าวว่า ดังนั้น หลังจากเราได้รับการชี้แจงเป็นเอกสารมา ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เราจะเชิญ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมประมง มาสอบข้อมูลตามเอกสารที่เอกชนแจ้งเข้ามา เพราะว่าเขาแจ้งว่าได้ส่งซากปลา จำนวน 50 ตัว ให้กรมประมงตั้งแต่ปี 2554
และกรมประมงก็มีเอกสารงานวิจัยตั้งแต่ปี 65 ว่าปลาที่ระบาดอยู่ทั่วประเทศในเวลานี้ คาดว่ามีแหล่งกำเนิดเดียวกัน เพราะว่าสัดส่วนทางพันธุกรรม ดีเอ็นเอ ต่างๆ ที่ได้ศึกษาไว้ตรงกัน เมื่อเราเจอดีเอ็นเอปลายทางแล้ว สิ่งที่เราต้องการหาต่อ คือ ดีเอ็นเอต้นทางว่า ที่มีการระบาดอยู่ทั่วประเทศมันมาจากจำนวน 2,000 ตัว ที่นำเข้าหรือไม่ ซึ่งต้องใช้ซากปลาตรงนั้น แต่เหตุใดจึงไม่ได้มีการนำมาเทียบเคียงกับงานวิจัยเมื่อ 65 หลังปี 65 งานวิจัยก็เงียบหาย และจบไป
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : ch3plus.com/ne...
-------------------------
#เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News)
วันที่ 17 กรกฎาคม 2567
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : ch3plus.com/ne...
facebook : / morningnewstv3
Twitter : / morningnewstv3
KZitem : cutt.ly/Mornin...
Tiktok : / morningnewsch3
#3PlusNews #ข่าวช่อง3 #สรุยทธ #ไบรท์
Негізгі бет ถกเดือด! แก้ปัญหา 'ปลาหมอคางดำ' ซีพีเอฟยันไม่ใช่ต้นตอระบาด กรมประมงยันไม่เคยได้รับตัวอย่างปลา
Пікірлер: 477