#ต้องมีพระกี่รูปจึงจะกรานกฐินได้?
โดย พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท
บรรยายในโครงการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ รุ่นที่ ๔ "ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม
ณ วัดนิสสรณวนาราม ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว กถินํ อตฺถริตพฺพนฺติ เอตฺถ กถินตฺถารํ เก ลภนฺติ, เก น ลภนฺตีติ. คณนวเสน ตาว ปจฺฉิมโกฏิยา ปญฺจ ชนา ลภนฺติ, อุทฺธํ สตสหสฺสมฺปิ, ปญฺจนฺนํ เหฏฺฐา น ลภนฺติ.
พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว กถินํ อตฺถริตพฺพํ (ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงกรานกฐินอย่างนี้) ดังนี้
ถามว่า ใครได้กรานกฐิน ใครไม่ได้กรานกฐิน ?
ตอบว่า ว่าด้วยอำนาจแห่ง #จำนวน ก่อน, ภิกษุ ๕ รูปเป็นอย่างต่ำย่อมได้กราน, อย่างสูงแม้แสนก็ได้, หย่อน ๕ รูป ไม่ได้ (วิ.อฏฺ. ๓/๓๐๖/๑๙๒)
คำว่า "ใครได้กรานกฐิน" และคำว่า "ภิกษุ ๕ รูปย่อมได้กราน" ในอรรถกถานั้น เป็นคำแสดงถึงภิกษุที่ช่วยทำให้การกรานกฐินสำเร็จได้, ไม่ได้หมายถึงภิกษุ ๕ รูปทั้งหมดนั้นเป็นผู้มีสิทธิ์ได้กรานกฐิน (ดู วิ.ลงฺการ. ๒/๒๒๖/๘๐-๘๑)
วุตฺถวสฺสวเสน ปุริมิกาย วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปฐมปวารณาย ปวาริตา ลภนฺติ, ฉินฺนวสฺสา วา ปจฺฉิมิกาย อุปคตา วา น ลภนฺติ; อญฺญสฺมึ วิหาเร วุตฺถวสฺสาปิ น ลภนฺตีติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํ.
ว่าด้วยอำนาจแห่ง #ผู้จำพรรษา ภิกษุผู้จำพรรษาต้น ปวารณาในวันปฐมปวารณาแล้ว ย่อมได้, ภิกษุผู้มีพรรษาขาดหรือจำพรรษาหลัง ย่อมไม่ได้, ในมหาปัจจรีกล่าวว่า แม้ภิกษุที่จำพรรษาในวัดอื่นก็ไม่ได้ (วิ.อฏฺ. ๓/๓๐๖/๑๙๒)
คำว่า "ปวารณาในวันปฐมปวารณา" บ่งบอกถึงการที่ภิกษุที่จำพรรษาต้นนั้นไม่ขาดพรรษาเท่านั้น (ผู้ที่จะปวารณาได้ต้องไม่ขาดพรรษา) เพราะถ้าภิกษุจำพรรษาครบแต่ไม่ได้ปวารณาเพราะมีอันตรายบางอย่าง ก็สามารถกรานกฐินได้ (ดู สารตฺถ. ๓/๓๐๖/๔๐๔)
ปุริมิกาย อุปคตานํ ปน สพฺเพ คณปูรกา โหนฺติ, อานิสํสํ น ลภนฺติ, อานิสํโส อิตเรสํเยว โหติ.
แต่ภิกษุทั้งหมดเป็นคณปูรกะของภิกษุผู้จำพรรษาต้นได้ โดยพวกท่านไม่ได้อานิสงส์ เฉพาะภิกษุผู้จำพรรษาต้นนอกนี้เท่านั้นที่ได้อานิสงส์ (วิ.อฏฺ. ๓/๓๐๖/๑๙๒)
หมายเหตุ : ถ้าเป็นอรรถกถาฉบับมหามกุฏฯ จะมีคำว่า ปจฺฉิมิกา หลังคำว่า สพฺเพ ด้วย จึงแปลว่า ภิกษุผู้จำพรรษาหลังทั้งหมด ฯลฯ แต่การมีปาฐะเช่นนั้น ไม่สอดคล้องกับฎีกาและโยชนาต่างๆ ที่ขยายอรรถกถาจุดนี้ ดังหลักฐานว่า
สพฺเพ ฉินฺนวสฺสาทิกา ภิกฺขู ปุริมิกาย วสฺสูปคตานํ ภิกฺขูนํ คณปูรกา โหนฺตีติ โยชนา.
ประกอบความว่า ภิกษุทั้งหลาย มีภิกษุผู้มีพรรษาขาดเป็นต้น (เป็นต้น หมายรวมถึง ภิกษุผู้จำพรรษาหลัง และภิกษุผู้จำพรรษาในวัดอื่น) ทั้งหมด เป็นคณปูรกะของภิกษุผู้จำพรรษาต้นได้ (ปาจิตฺยาทิโยชนา. ๓๕๒)
สพฺเพติ ฉินฺนวสฺสาทโย, อนุปคตาปิ ตตฺเถว สงฺคหิตา.
คำว่า ทั้งหมด ได้แก่ ภิกษุผู้มีพรรษาขาดเป็นต้น, แม้ภิกษุผู้ไม่ได้จำพรรษา ก็นับเข้าด้วยเหมือนกัน (วิ.ลงฺการ. ๒/๒๒๖/๘๑)
สเจ ปุริมิกาย อุปคตา จตฺตาโร วา โหนฺติ ตโย วา เทฺว วา เอโก วา อิตเร คณปูรเก กตฺวา กถินํ อตฺถริตพฺพํ.
ถ้าภิกษุผู้จำพรรษาแรกมี ๔ รูป ๓ รูป ๒ รูป หรือ ๑ รูป ก็ #พึงทำภิกษุนอกนี้ให้เป็นคณปูรกะแล้วกรานกฐินได้
(วิ.อฏฺ.๓/๓๐๖/๑๙๒-๓ อธิบายกฐินขันธกะ)
สรุปวิธีปฏิบัติกรณีมีพระจำพรรษาไม่ถึง ๕ รูป
ตสฺมา อุปจารสีมาย ปริจฺฉินฺเน วิหาเร เอโก วา เทฺว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ภิกฺขู วิหรนฺติ, ตตฺถ กถินจีวเร อุปฺปนฺเน อญฺญโต ปริเยสิตฺวา จตุวคฺคสํโฆ เอโก ปฏิคฺคาหโกติ ปญฺจนฺนํ ภิกฺขูนํ ปูรเณ สติ กถินํ อตฺถริตํ ลภติ, นาสติ, เอวํ สํเฆ วิชฺชมาเนเยว กถินํ นาม โหติ,โน อวิชฺชมาเน.
เพราะฉะนั้น ในเขตพำนักที่ท่านกำหนดด้วยอุปจารสีมา (เขตวัด) มีภิกษุอยู่จำพรรษา ๑ รูป ๒ รูป ๓ รูป หรือ ๔ รูป เมื่อกฐินจีวรเกิดขึ้นในอุปจารสีมานั้น ให้หาจากที่อื่น เมื่อมีภิกษุครบจำนวน ๕ รูป คือ สงฆ์จตุวรรค + ผู้รับผ้า ๑ รูป ก็ได้กรานกฐิน, หากมีไม่ครบ ก็ไม่ได้กรานกฐิน, อย่างนี้แหละ เมื่อสงฆ์มี กฐินจึงมีได้, เมื่อสงฆ์ไม่มี กฐินก็มีไม่ได้ (วิ.ลงฺการ. ๒/๘๓)
#หลักฐานเรื่องพระจำพรรษารูปเดียวได้กรานกฐิน
ตุยฺเหว ภิกฺขุ ตานิ จีวรานิ ยาว กฐินสฺส อุพฺภารายาติ. "อิธ ปน ภิกฺขุ เอโก วสฺสํ วสติ, ตตฺถ มนุสฺสา ‘สงฺฆสฺส เทมา‘ติ จีวรานิ เทนฺติ. อนุชานามิ ภิกฺขเว ตสฺส ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว กฐินสฺส อุพฺภารายาติ.
ภิกษุ [กาล]จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน ภิกษุทั้งหลาย ก็ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า ‘พวกเราขอถวายแก่สงฆ์’ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตจีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน”
(วิ.มหา.๕/๓๖๓/๒๐๙-๒๑๐ จีวรขันธกะ)
ตสฺเสว ตานิ จีวรานิ ยาว กถินสฺส อุพฺภาราติ สเจ คณปูรเก ภิกฺขู ลภิตฺวา กถินํ อตฺถตํ โหติ, ปญฺจ มาเส โน เจ อตฺถตํ โหติ, เอกํ จีวรมาสเมว.
คำว่า #จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน มีความว่า หากว่า ได้คณปูรกะ กฐินเป็นอันกรานแล้ว จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอตลอด ๕ เดือน ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ตลอดเดือนจีวรเดือนเดียวเท่านั้น (วิ.อฏฺ.๓/๓๖๓/๒๒๐ อธิบายจีวรขันธกะ)
อธิบายเสริม : ผ้าที่ถวายแก่สงฆ์ในช่วงจีวรกาล เรียกว่า #กาลจีวร จะถึงเฉพาะแก่พระที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ถ้าไม่ได้กรานกฐิน ได้แค่ ๑ เดือนหลังออกพรรษา ถ้าได้กรานกฐิน ได้ถึง ๕ เดือนหรือจนกว่ากฐินจะเดาะ (เขตที่เป็นจีวรกาล มีได้ทั้ง ๑ เดือนหรือ ๕ เดือน แล้วแต่ว่าได้กรานกฐินหรือไม่)
*ข้อควรระวัง
การสวดมอบผ้ากฐิน ต้องทำในสีมาเท่านั้นเพราะเป็นสังฆกรรม โดยหากวัดที่จำพรรษาไม่มีสีมา จะไปสวดมอบผ้าในสีมาของวัดอื่นหรือในอพัทธสีมาก็ได้ แต่ตอนกรานและอนุโมทนากฐิน ต้องทำในวัดที่จำพรรษาเท่านั้น ดังพระบาฬี (วิ.มหา.๕/๓๐๘/๑๒๘) ว่า
น สมฺมา เจว อตฺถตํ โหติ กฐินํ, ตญฺเจ นิสฺสีมฏฺโฐ อนุโมทติ.
กฐินไม่เป็นอันกรานโดยชอบหากภิกษุอยู่ภายนอกอุปจารสีมาอนุโมทนากฐินนั้น
(นิสฺสีมฏฺโฐ = พหิอุปจารสีมาย ฐิโต วิ.อฏฺ.๓/๓๐๘/๑๙๘)
Негізгі бет ต้องมีพระกี่รูปจึงจะกรานกฐินได้? โดยพระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท
No video
Пікірлер: 12