ผลหรืออานิสงส์แห่งทานนั้นจะมากหรือน้อยย่อมอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นความปราณีตของทาน หยาบหรือละเอียด รวมไปถึงความศรัทธาของผู้ให้ ก่อนให้-ระหว่างให้-หลังให้ และผู้รับที่มีกิเลสเบาบาง หรือกำลังปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งกิเลส หรือเป็นผู้ที่หมดกิเลสแล้ว
ในข้อที่ #52 ทานมหัปผลสูตร เป็นเรื่องราวที่ชาวเมืองกรุงจำปามีข้อสงสัยในเรื่องผลแห่งทาน ว่า “ทำไมทานที่เหมือนกัน จึงให้ผลที่แตกต่างกัน” โดยมีท่านพระสารีบุตรเป็นตัวแทนในการกราบทูลถามพระผู้มีภาคเจ้า แล้วคำตอบก็คือ “การตั้งจิตของผู้ให้ทานนั่นเอง” โดยได้อธิบายไว้ถึง 7 ระดับด้วยกัน และมีอานิสงส์ให้ไปเกิดในสวรรค์ 6 ชั้น ไล่ไปตามลำดับจนไปถึงชั้นพรหมกายิกา โดยมีรายละเอียดในการให้ทานเพราะ
1. หวังผลของทาน - ให้ด้วยความอยาก
2. การให้ทานเป็นการดี - ให้เพราะยำเกรง
3. บรรพบุรุษเคยทำไว้ - ให้เพราะละอายกลัวบาป
4. สมณะจะหุงหาอาหารกินเองไม่ได้ - ให้ของดี ๆ ก่อน
5. เป็นทักขิไนยบุคคล - ให้ของที่ควรแก่ทักขิไนยบุคคล
6. ให้แล้วจิตผ่องใส
7. เป็นเครื่องปรุงแต่งจิต - เพื่อให้จิตเกิดสมถะและวิปัสสนา
ข้อที่ #53 นันทมาตาสูตร ความน่าอัศจรรย์ในธรรม 7 ประการของนันทมาตา หรือที่คุ้นเคยในชื่อของนางอุตตรานันทมาตา ซึ่งนางได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะฝ่ายอุบาสิกาในการยินดีในฌาน เป็นเรื่องราวของการสวดปารายนสูตรของนางนันทมาตา แล้วท้าวเวสวัณมหาราชได้มาสดับฟังจนจบอนุโมทนาในบุญกุศล เป็นเหตุให้นางได้พบพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร แล้วได้เล่าถึงความน่าอัศจรรย์ทั้ง 7 ประการของนางให้ท่านทั้งสองฟัง
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต มหายัญญวรรค
Негізгі бет ทานที่เหมือนกันแต่ให้ผลที่ต่างกัน [6727-6t]
Пікірлер: 11