ประวัติพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช มีบันทึกเกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วโดยย่อ ดังนี้
ครั้งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน และตมีการถวายพระเพลิงได้มี การแก่งแย่ง เพื่อนำพระบรมสารีริกธาตุระหว่างกษัตริย์หลายเมือง เพื่อนำไปกราบไหว้สักการะบูชา พระยามหากษัตริย์พราหมณ์ แห่งกรุงโกสินารา ได้ให้โทณพราหมณ์ เป็นผู้ดำเนินการแบ่งปัน (สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ ปัจจุบันคือ พระประโทณเจดีย์ จังหวัดนครปฐม) ส่วนพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นภินทธาตุ (พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่แตกหัก) ตวงด้วยทะนานถวายแก่พวกพระยามหากษัตริย์
ในครั้งนั้น มีพระอรหันต์ นามว่า “พระเขมะเถร” ได้เข้าไปอัญเชิญพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวา และพระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้าย อย่างละ ๑ องค์ออกจากจิตกาธาน เพื่อนำไปถวายพระเจ้าพรหมทัตกษัตริย์แคว้นกลิงคราชเนื่องจากมิได้รับแจกจากโทณพราหมณ์ และพระทันตธาตุได้ประดิษฐาน เคลื่อนย้ายไปยังนครต่าง ๆ ครั้งหลังสุดท้ายได้ประดิษฐานอยู่ ที่เมืองทันทบุรี อันมีพระเจ้าโคสีหราชซึ่งมีมหาเทวี เป็นอัครมเหสี ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา คือ เจ้าชายทนทกุมารและเจ้าหญิงเหมชาลา ในยุคเดียวกันในราวปีพ.ศ.๘๕๒ ยังมีอีกเมืองหนึ่งนามว่า“ขันธบุรี” กษัตริย์คพระนามว่า
“ท้าวอังกุศราช” ได้รวบรวมกำลังยกทัพมาตีเมืองทันทบุรี เพื่อช่วงชิงเอาพระทันตธาตุ พระเจ้าโคสีหราชทรงทราบดีว่าต้องการพระทันตธาตุไปทำลายและได้เสียทีถูกข้าศึกฟันพระศอขาดเหนือคอช้าง ฝ่ายเจ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมาร ได้ปลอมพระองค์อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ๒ องค์ไว้ที่เกล้าเมาลีเสด็จหนีลงเรือไปกรุงลังกา ระหว่างที่เดินทางก็ได้เกิดพายุพัดแรงคลี่นลูกใหญ่ซัดเรืออับปางลง ทั้งสองพระองค์ พากันเดินมาถึงหาดทรายแก้วจึงได้หยุดพักอาศัยและอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากเกล้าเมาลีลง ประทับฝังไว้ที่หาดทรายแก้วทรงพบพระมหาเถรพรหมเทพ ผู้มีอภิญญาสมาบัติแก่กล้าได้ทำนายว่า ต่อไปภายภาคหน้าจะมีพระยาองค์หนึ่งชื่อ พระยาศรีธรรมาโศกราช จะมาสร้างเมืองสร้างเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้ว ณ หาดทรายแห่งนี้
หลังจากนั้นเจ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมารก็อัญเชิญพระทันตธาตุขึ้นจากที่ฝังห่อใส่เกล้าเมาลีออกเดินทางโดยเรือสำเภาถึงกรุงลังกา ก็ขึ้นเฝ้ากษัตริย์กรุงลังกาถาวายพระทันตธาตุ และกราบทูลเรื่องราวแต่หนหลังให้ฟังตลอด พระเจ้ากรุงลังกาทรงดำริเห็นว่าหาดทรายแก้วเคยเป็นที่ฝั่ง พระทันตธาตุชั่วระยะเวลาหนึ่ง พระเจ้ากรุงลังกาจึงได้คืนถวายพระทันตธาตุเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุที่หักย่อย ๑ ทะนาน ให้เจ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมาร อัญเชิญด้วยเรือสำเภาใหญ่จากลังกาสู่หาดทรายแก้วโดยมีมหาพราหมณ์อำมาตย์ ๔ คน เป็นผู้ควบคุมดูแลช่วยเหลือระหว่างเดินทาง (พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาอยู่ลังกา พระเขี้ยวแก้วเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุ ๑ ทะนานอยู่ที่พระธาตุนครศรีธรรมราช)
เมื่อถึงหาดทรายแก้วมหาพราหมณ์ ทั้ง ๔ ทำการก่อเจดีย์อัญเชิญพระทันตธาตุและพระบรมสารีริกธาตุครึ่งทะนาน บรรจุลงในผอบแก้ว ประดิษฐานในแม่ขันทองคำแล้วนำไว้ภายในเจดีย์ ณ รอยเดิมที่เคยฝังพระทันตธาตุไว้ ทำพิธีไสยเวทย์ ผูกภาพยนตร์เป็นกา ๔ ฝูง คือ
กาสีขาว ๑ ฝูง เรียกว่ากาแก้ว เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศตะวันออก
กาสีเหลือง ๑ ฝูง เรียกว่าการาม เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศใต้
กาสีแดง ๑ ฝูง เรียกว่ากาชาด เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศตะวันตก และ
กาสีดำ ๑ ฝูง เรียกว่ากาเดิม เฝ้ารักษาอยู่ทางทิศเหนือ
ให้เฝ้ารักษาอยู่ไม่ให้เกิดอันตรายใด ๆ ขึ้น เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. ๘๕๔ ส่วนพระบรมสารีริกธาตุอีก ครึ่งทะนาน เจ้าหญิงเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมาร ได้อัฐเชิญไปเมืองทันทบุรี ประทับอยู่ด้วยความสุขสบายตลอดพระชนม์ชีพ”
Негізгі бет เทวดาเขาแดง ราชครูพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้ปราบอาถรรพ์กาพยนต์สี่ฝูงที่รักษาพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
Пікірлер: 6