สมาธิเพื่อพลังจิต สมาธิแบบพุทธ ท่านที่เรียนพุทธประวัติคงเคยได้ยินว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไปเรียนการบำเพ็ญสมาธิ จนกระทั่งจบขั้นที่เขาเรียกว่าฌานสมาบัติทั้งหมด
ฌานสมาบัติมี ๘ ขั้น เป็นรูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ ท่านอาฬารดาบส กาลามโคตร ได้สมาธิถึงอรูปฌานขั้นที่ ๓ เรียกว่าอากิญจัญญายตนสมาบัติ พระพุทธเจ้าเข้าไปปฏิบัติในสำนักของท่านนี้ ก็ได้ฌานสมาบัติขั้นนี้ด้วย
จบสมาบัติ ๗ แล้ว พระพุทธเจ้ายังไม่ทรงพอพระทัย จึงเสด็จออกจากสำนักนี้ แล้วไปยังสำนักของอุททกดาบส รามบุตร ท่านนี้ได้ฌานสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ครบสมาบัติ ๘ คือจบเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ พระพุทธเจ้าก็จบด้วย พระอาจารย์จึงนิมนต์ว่า ท่านจบความรู้ของสำนักนี้แล้ว ขอให้อยู่ช่วยสอนลูกศิษย์ต่อไป พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่านี่ยังไม่ใช่จุดหมาย พระองค์จึงได้ขอลาออกไปแสวงธรรมด้วยพระองค์เอง
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ปาฏิหาริย์ มี ๓ อย่าง
๑. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ มากมาย เช่น เหาะเหินเดินอากาศ เดินน้ำ ดำดิน
๒. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการทายใจได้ สามารถทายใจคนว่าเขาคิดอะไร คิดอย่างไร คิดจะทำอะไร หรือจิตใจมีสภาพเป็นอย่างไร
๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์คือการสั่งสอนให้เกิดปัญญา รู้ความจริงด้วยตัวของเขาเอง
ปาฏิหาริย์ข้อที่ ๓ เท่านั้นที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ ส่วนปาฏิหาริย์ที่ ๑ และ ๒ พระพุทธเจ้าถึงกับตรัสว่า ทรงรังเกียจ เพราะว่าปาฏิหาริย์ที่ ๑ และ ๒ นั้น ใครทำได้ ก็เป็นเรื่องของคนนั้น คนอื่นก็ได้แต่ทึ่ง เห็นว่าน่ามหัศจรรย์ แล้วก็มาหวังพึ่ง เมื่อหวังพึ่งแล้วก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ไม่เป็นตัวของตัว
แต่ปาฏิหาริย์ข้อ ๓ สอนให้เขาเกิดปัญญา เป็นอัศจรรย์ เพราะเมื่อเขาเกิดปัญญาแล้ว เขาก็เห็นด้วยตัวเอง พระองค์เห็นความจริงอย่างไร เขาก็เห็นความจริงอย่างเดียวกันกับที่พระองค์เห็น พอเขาเกิดปัญญาเห็นเหมือนที่พระองค์เห็น เขาก็เป็นอิสระ ไม่ต้องขึ้นต่อพระองค์ต่อไป
จะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้าเป็นยอดของผู้มีฤทธิ์ แต่พระองค์สรรเสริญอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือการสอนให้เกิดปัญญาข้อเดียว
ผลประโยชน์ของการฝึกสมาธิ ในทางวิทยาศาสตร์
นั่งสมาธิ หรือการทำสมาธิ คือการฝึกปฏิบัติที่ใช้ความตั้งมั่น จดจ่อ และแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติเกิดความสงบ เกิดความรู้สึกตัวหรือมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น
องค์ประกอบสำคัญในการทำสมาธิ
วิธีการทำสมาธิแต่ละประเภทอาจต้องใช้คุณสมบัติที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้ฝึกสอน โดยองค์ประกอบสำคัญในการทำสมาธิ ได้แก่
การมุ่งเน้นความสนใจหรือการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
การหายใจด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย
การเลือกสถานที่ที่มีความเงียบสงบ
อยู่ในท่าทางที่สบายและเหมาะสม
ทำใจให้เปิดกว้างและปล่อยวาง
การทำสมาธิอาจมีส่วนช่วยบรรเทาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น
ความวิตกกังวล
ภาวะซึมเศร้า
พฤติกรรมการเสพติด เช่น ติดยา นิโคติน หรือแอลกอฮอล์
บรรเทาความเจ็บปวด
อาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย (Hot flashes) ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
โรคหืด
โรคมะเร็ง
อาการปวดเรื้อรัง
โรคหัวใจ
โรคความดันโลหิตสูง
โรคลำไส้แปรปรวน
ปัญหาการนอนหลับ
อาการปวดศีรษะจากความเครียด
การทำสมาธิกับสุขภาวะทางอารมณ์ (Emotional well-being)
การทำสมาธิมีส่วนช่วยให้ภาวะทางอารมณ์ดีขึ้น เช่น
ช่วยให้มีทัศนคติใหม่ ๆ ที่ดีขึ้น เมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด
เพิ่มความสามารถในการรับมือกับความเครียด
ช่วยให้เกิดการรู้จักตนเอง
ช่วยมุ่งความสนใจให้อยู่กับปัจจุบัน
ลดอารมณ์หรือความคิดในแง่ลบ
ช่วยเพิ่มจินตนาการและความคิดที่สร้างสรรค์
เพิ่มความอดทนอดกลั้น
เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงาน
แหล่งที่มาบทความ
1. pobpad.com
2. watnyanaves.net
Негізгі бет ฤทธิ์สมาธิ *สื่อกับสิ่งที่มองไม่เห็น* เปรต ผี ดวงวิญญาณ มันมีอยู่จริง โดยหลวงพ่อสมภพ โชติปัญโญ
Пікірлер: 12