อาจเรียกได้ว่าเป็นบทเพลงในความทรงจำของใครหลายๆ คน หรืออาจจะมีบางคนเคยได้ยินบทเพลงนี้ผ่านหูกันไปบ้างโดยเฉพาะคนที่อยู่ร่วมในช่วงยุคสมัยแห่งกาลเวลา … เอาเข้าจริงตอนนั้นที่ได้ยินได้ฟังและรู้จักบทเพลงนี้ ตัวเองยังเด็กอยู่มากๆ ก็แค่ 9 ขวบ แต่ดันฟัง รู้จัก และชอบบทเพลงนี้มาตั้งแต่เวลานั้น จำได้ว่าเป็นความชอบที่มีร่วมกันกับคุณน้าแถวบ้าน ด้วยคุณน้าได้ยินเพลงนี้เปิดอยู่และบอกว่าชอบแต่จำไม่ได้ว่าเป็นเพลงของใคร ทันใดนั้นเสียงเฉลยว่าชื่อเพลง “ฉากสุดท้าย” ของพัณนิดา เศวตาสัย ก็ถูกเฉลยบอกออกไปจากปากเด็กน้อยอย่างผม (ในเวลานั้น) …
ตอนก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากโดยเฉพาะในของเรื่องเนื้อหา อารมณ์ ความรู้สึกที่สื่อสารผ่านคำร้อง/เนื้อเพลง ที่มักจะเป็นเรื่องผิดหวังในความรัก อกหัก เลิกรากัน เสียส่วนใหญ่ (ใช่ เด็กวัย 9 ขวบ คงไม่ได้เข้าใจอะไรในเรื่องพวกนี้) … คงอาจเป็นเรื่องของคำ-เรื่องของภาษา ที่นักแต่งเพลง (คำร้อง) ในยุคก่อนค่อนข้างจะพิถีพิถันในการเลือกใช้คำ ในการสร้างประโยคเพื่อสื่อความ ที่นอกเหนือจากจะได้ความหมายตามที่ต้องการสื่อแล้วมันยังแทรกไปด้วยความงดงามสละสะสวยทางภาษาอีกด้วย … อย่างเพลง “ฉากสุดท้าย” ที่เปรียบเปรยเรื่องราวความรักเฉกเช่น ฉากๆ หนึ่งของละคร (ตอนนั้นรู้จักละครแล้วจากการดูละคร TV หลังข่าวกับแม่) การนำคำอย่างเช่น ความรัก ความหลัง ความฝัน มาใช้ในการขึ้นต้นเพลง … การขยี้คำ (ที่มันตามขยี้ไปจนถึงความรู้สึก) อย่างในท่อน “… ขื่นขมระทมปวดร้าว” ช้ำกันไปให้สุดๆ เหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่มีอยู่ในบทเพลงเก่าๆ หลายต่อหลายบทเพลงที่ผู้แต่งแสดงให้เห็นถึงความปราณีตและสร้างสรรค์เรียงร้อยคำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่ผ่านท่วงทำนองออกมา …
บทเพลง “ฉากสุดท้าย” ของพี่เอ๋ พัณนิดา เศวตาสัย ซึ่งจัดว่าเป็นเพลงที่โด่งดังได้รับความนิยมอย่างสูงมากของพี่เอ๋ และคงเป็นเพลงประจำตัว/ลายเซ็นต์ของพี่เอ๋ไปแล้ว … เพลงนี้เป็นผลงานที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่ 3 ของพี่เอ๋ ที่ออกวางจำหน่ายในปี 2529 โดยค่ายรถไฟดนตรี (หนึ่งในค่ายเพลงที่ผลิตศิลปินและผลงานดีๆ ออกมาสู่ตลาดอุตสาหกรรมเพลงไทยใน พ.ศ. นั้น มาพอสมควร … วงสาวสาวสาว ฟรีเบิร์ด และพี่ปู พงสิทธิ์ ในอัลบั้มแรกๆ ก็เป็นผลงานมาจากค่ายรถไฟดนตรีนี้) ซึ่งหลังจากบันทึกเสียงในอัลบั้มนี้เสร็จ พี่เอ๋ก็ออกเดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาโดยไม่ได้อยู่โปรโมท ส่วน 2 อัลบั้มแรกนั้น คิดว่าตอนนั้นตัวเองน่าจะเด็กเกินที่จะรู้จักและได้ยินได้ฟัง (แต่ก็มีบางเพลงมาได้ฟังเอาภายหลัง) …
Music VDO ของเพลงฉากสุดท้ายที่ได้ดูในรายการเพลงทาง TV ตอนนั้นมีคุณฮันนี่ ภัสสร บุณยเกียรติ รับหน้าที่เป็นนางเอก MV จำไม่ได้ว่าตอนนั้นพี่ฮันนี่มีชื่อเสียงโงดังหรือยัง … แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฮันนี่ ภัสสร คือ อดีตนางงาม (ขวัญใจช่างภาพงานประกวดนางสาวไทยปี 2531, ปีที่ไทยมีพี่ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก เป็นนางสาวไทยและเป็นนางงามจักรวาลต่อมา) และเป็น นางแบบ นางเอก แถวหน้าของเมืองไทย รวมถึงเป็นนักร้องออกอัลบั้ม … เรื่องราวใน Music VDO จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่ก็แนวๆ ชาย-หญิง (ในบทนักศึกษาด้านศิลปะ) รักกัน-คบกัน-แล้วก็แยกจากเลิกลากันอะไรประมาณนั้น แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้จดจำภาพของ MV เพลงนี้มาได้ถึงวันนี้คงเป็นเพราะสถานที่ถ่ายทำ คือ “โรงเรียนเพาะช่าง” (ตั้งแต่ยังไม่ยกวิทยะฐานะเป็นวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์) ที่ซึ่งในช่วงเวลาของชีวิตต่อมา (อีกราว 2 ปีต่อมา) จะต้องเดินผ่านไป-ผ่านมาแถวนั้นอยู่เป็นประจำซะหลายปี …
ความโด่งดังของบทเพลง “ฉากสุดท้าย” ยังคงอยู่ผ่านข้ามกาลเวลามา จนเมื่อปี 2550 ที่ทางคลื่นวิทยุ GreenWave (พี่อ้อย-พี่ฉอด) ได้จัดคอนเสิร์ต “Green Concert หมายเลข 10: The Lost Love Songs” ตามกระแสการถวิลหาเสียงเพลง Retro ย้อนเวลา พี่เอ๋ พัณนิดา เศวตาสัย กับบทเพลง “ฉากสุดท้าย” จึงไม่พลาดที่จะถูกรวมไว้อยู่ในการแสดงนั้น และนั่นนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 25 ปี ที่พี่เอ๋ได้ขึ้นคอนเสิร์ตและออกสื่อ … กับล่าสุด “The Time Machine Concert” ซึ่งจะจัดระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค. 2566 ที่จะถึงนี้ ก็เป็น concert ย้อนเวลาของศิลปินหลากหลายค่ายเพลงในยุคนั้น ตัวแทนทางค่ายรถไฟดนตรี แน่นอนก็จะมีพี่เอ๋ พัณนิดา รวมอยู่ในนั้นด้วย และ “ฉากสุดท้าย” ก็คงจะเป็นบทเพลงหนึ่งที่จะบรรเลงอยู่ในงานวันนั้นด้วย … นอกจากนั้นยังมีอัลบั้ม “Back to the old days” ที่พี่เอ๋ นำเพลงสากลเก่าๆ เพราะมาร้อง cover และออกวางแผงในเวลาต่อมา (ช่วงที่ผมน่าจะเรียนอยู่ราว ม.1 - ม.2 หัดเล่นกีตาร์แล้ว และเดินผ่านไป-ผ่านมาหน้าเพาะช่างแทบทุกวัน) ผมยังจำได้ดีกับเพลง 500 Miles ที่เอามาฝึกหัดเล่นกีตาร์ในช่วงนั้น ใน version เสียงร้องของพี่เอ๋ ... ปัจจุบันนอกจากการร้องเพลง พี่เอ๋ ยังทำงานประจำอยู่ฝ่ายจัดหาและค้าปิโตรเลียม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) …
สำหรับเบื้องหลังของเพลง “ฉากสุดท้าย” … เพลงนี้ในเวลานั้นได้นักแต่งเพลงหน้าใหม่ที่ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักเป็นผู้แต่งทั้งคำร้อง-ทำนอง จนกระทั่งเพลงนี้ออกเผยแพร่ทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และกลายเป็นเพลงฮิตในชั่วข้ามคืน ชื่อของ “อนุรัฐ ประดิษฐ์งาม” จึงได้กลายเป็นที่สนใจและเป็นที่รู้จักในวงการขึ้นมา หลังจากนั้นอีกหลากหลายบทเพลงในหลายศิลปินของทางรถไฟดนตรี ก็จะมีผลงานจากปลายปากกาของนักแต่งเพลงท่านนี้ … ในภาคดนตรีและการบันทึกเสียงไม่แน่ใจว่าเป็นฝีไม้ลายมือของท่านใดบ้าง แต่เดาว่าคงเป็นทีมผลิตฝีมือดีที่ทางรถไฟดนตรีสรรหามา ในต้นฉบับเพลงฉากสุดท้ายนอกจาก sound ของเครื่องพวก piano & keyboard ที่เป็นตัวเดินเรื่องราวของดนตรีเป็นหลักแล้ว เสียงการเดินเบสในเพลงนี้ถือว่าแน่นมาก เรียกว่าเหนียว-แน่น-หนึบ ติดนิ้ว-ติดมือกันเลยทีเดียว ต่างๆ เหล่านี้แหละมั้งที่เรียกว่าเป็นเสน่ห์ที่แม้จะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานแต่คุณภาพของผลงานก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้ฟังอยู่ดี … ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนสร้างสรรค์งานดีๆ อย่างนี้มาให้ฟัง 46 - 9 = 37 ปี แล้วที่ผมฟังเพลงนี้มา (เพิ่งมีโอกาสมาได้เล่นได้บรรเลงก็วันนี้)
Негізгі бет Музыка ฉากสุดท้าย
Пікірлер: 1