“อธิษฐานลารักหน้าไฟ” … ศิลปิน เดช ธรรมประชา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ขุนเดช” ปี พ.ศ. 2567 …
จากคลิปที่กลายเป็นกระแสไวรัลจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ. สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ที่ลงพื้นที่ตรวจเนี่มผู้ป่วยจิตเวชรายหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ขุนเดช” ทราบชื่อภายหลังว่านายเดช ธรรมประชา … ซึ่งขุนเดช ได้เล่นกีตาร์เก่าๆ สายเขลอะไปด้วยสนิมพร้อมกับร้องเพลงที่แต่งขึ้นเองให้กับทางเจ้าหน้าที่ฟังและได้ถ่ายเป็นคลิปเผยแพร่ลงในสื่อสังคมออนไลน์จนเป็นกระแสในชั่วข้ามคืนราว 2 วันก่อน …
เมื่อวานเปิดเห็นข่าวและได้ลองฟังเพลงที่พี่ขุนเดชเล่นและร้องที่ชื่อว่า “อธิษฐานลารักหน้าไฟ” … ฟังครั้งแรกจบ รู้สึกไม่แปลกใจเลยที่เพลงนี้จะทำให้ใครหลายๆ คนที่ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ผ่านทางหน้าข่าวหรือสื่อสังคมออนไลน์จะถูกใจและประทับใจในบทเพลงนี้ … ขุนเดช ทั้งเล่น ทั้งร้องออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยถึงความเป็นผู้ป่วยจิตเวชตามรายงานจากทางสื่อ แต่เท่าที่สัมผัสการเล่นการร้องผ่านทางหน้าจอ รวมทั้งทำนองและคำร้องที่ขุนเดชแต่งเพลงนี้ขึ้นมา มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นศิลปินที่มีอยู่ในตัวของขุนเดชเอง …
มาทราบอีกทีในข่าวที่รายงานต่อเนื่องอีกว่าถึงขนาดทางนายอำเภอ อ. สมเด็จ ตามเข้าไปพบพร้อมทั้งซื้อสายกีตาร์ชุดใหม่ไปมอบให้เพื่อให้ขุนเดชเปลี่ยนสายชุดใหม่ และได้เห็นสมุดมัดรวมกันเป็นตั้งซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบันทึกที่เขียนเพลงซึ่งตัวเองแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น โดยทางนายอำเภอขอให้ขุนเดชเอาออกมาโชว์ให้ทางสื่อดู …
บ่ายวันนี้ขณะขับรถกลับบ้านก็เริ่มเห็นคลิปที่มีนักร้องนักดนตรีหลายๆ คนเริ่มนำเพลง “อธิษฐานลารักหน้าไฟ” มาร้องมาเล่นกันหลายคนแล้วใน KZitem … ทั้งนี้รวมถึง อ. ไข่ มาลีฮวนน่า ก็ยังได้นำเพลงนี้มาร้อง cover อีกด้วย ศิลปินเพื่อชีวิตเบอร์ต้นๆ อย่าง อ.ไข่ ยังนำเพลงนี้มาร้องมาเล่น cover เป็นนัยบอกสื่อออกไปให้เห็นถึงความสามารถของขุนเดชที่สามารถสร้างสรรค์บทเพลงที่มีความหมาย ความไพเราะ ทราบซึ้ง เช่นนี้ออกมาได้ ขนาดศิลปินใหญ่อย่าง อ.ไข่ ยังนำมาร้องมาเล่น ซึ่งแสดงถึงดีกรีความไม่ธรรมดาสำหรับผลงานที่กลั่นออกมาจากชายชื่อขุนเดช …
สำหรับผมที่ได้ฟังต้นฉบับที่ขุนเดชเล่นและร้อง ผมรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่าบทเพลง … แต่มันคือชีวิต มันคือความรู้สึก ความรู้สึกลึกๆ ที่น่าจะเคยถูกเก็บซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในก้นบึ้งของหัวใจของพี่เค้า สิ่งเหล่านั้นมันถูกกลั่นกรองและบันทึกเก็บไว้ในรูปแบบของตัวอักษร คำ ประโยค ที่ร้อยเรียงรวมเข้ากันกับท่วงทำนอง ที่สมองและความทรงจำมันสั่งการให้ทำ …
ขณะที่พี่ขุนเดชเค้าเล่นกีตาร์และร้อง เหมือนกับนำเอาเรื่องราวของความรู้สึกลึกๆ ที่เก็บซ่อนอยู่นั้น ออกมามาบอกเล่า ออกมาสื่อสารต่อให้คนอื่นๆ ฟัง … เพลงมันถึงมีชีวิตได้ถึงขนาดนั้น มันถึงถูกใจ ไปโดนใจ และกระแทกใจใครหลายๆ ทั้งที่ดนตรีก็แต่กีตาร์เก่าๆ เพียงตัวเดียว แต่ด้วยจังหวะและน้ำเสียงบวกกับอารมณ์ในการถ่ายทอด รวมๆ ทั้งหมดมันลงตัว จนเจ้าหน้าที่ต่างฟังกันอย่างตั้งใจ และชื่นชมในความสามารถของพี่เค้า …
ไม่รู้ว่าพี่ขุนเดชเคยผ่านเรื่องราวอะไร อย่างไรมาบ้างในชีวิต แต่เชื่อว่าการที่เป็นคนมีดนตรีในหัวใจ มีทักษะและความสามารถทั้งร้อง เล่น และแต่งเพลงเอง … ความเป็นศิลปะเหล่านี้จะช่วยเยียวยาหัวใจพี่ขุนเดช … หากหน่วยงานรัฐที่ได้เข้าไปดูแลและไปเจอพี่เค้า จนทั้งตัวพี่ขุนเดชและผลงานเพลงของพี่เค้าโด่งดังเกิดเป็นกระแสขึ้นมานี้จะช่วยดูแลจัดการเรื่อง “ทรัพย์สินทางปัญญา/ลิขสิทธิ์เพลง” ให้พี่เค้าด้วย ผมว่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ กับตัวพี่เค้า เพราะได้ยินว่ามีค่ายเพลงเข้ามาติดต่อจะนำพี่ขุนเดชไปเป็นศิลปินและเตรียมออกซิงเกิล จะได้จัดการเรื่องพวกนี้ให้ถูกต้องและเรียบร้อย (ไม่ให้เกิดปัญหาและจะมาบั่นทอนพี่เค้าในภายหลัง) … เชื่อว่าอีกไม่นานคงจะได้ยินเพลง “อธิษฐานลารักหน้าไฟ” เล่นกันตาม Pub เพื่อชีวิต หรือตามร้านเหล้ากันไปทั่ว …
คำว่า “อธิษฐาน” ที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจและนึกถึงไปว่าหมายถึงการ “ขอ/อ้อนวอน” จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนเป็นที่เข้าใจอย่างเคยชิน … แท้จริงแล้วอธิษฐานนั้นหมายถึง “ความตั้งใจ” ตั้งจิตมั่นที่จะลงมืกระทำหรือปฏิบัติอะไรสักอย่างให้จงได้อย่างวิริยะอุตสาหะ มิใช่การไปอ้อนวอนขอหรือเที่ยวไปร้องขอแต่อย่างใด … คำว่า “อธิษฐาน” ในเพลง “อธิษฐานลารักหน้าไฟ” ผมว่าพี่ขุนเดชเค้าใช้คำนี้ในความหมายที่ถูกต้องแท้จริงของมัน คือ “ตั้งใจ” ยุติรักนั้นเสีย
#อธิษฐานลารักหน้าไฟ
Негізгі бет Музыка อธิษฐานลารักหน้าไฟ
Пікірлер: 3